“บลจ.กสิกรไทย” ยืนยันเปิดขายกองทุน LTF ต่อในปี 2563

บลจ.กสิกรไทยประกาศยืนยันจะบริหารกองทุน LTF ต่ออีกรายในปี 2563 โดยจะเปิด “Sub Class” เพื่อเป็นระบบแยกผู้ลงทุนเก่าและใหม่ออกจากกัน แต่ต้องระงับคำสั่งซื้อกองทุน LTF ชั่วคราวในช่วงต้นปีหน้าไว้ก่อนเพื่อรอความชัดเจนของกฎหมายการเงิน

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า วันที่ 30 ธ.ค.62 จะเป็นวันสุดท้ายที่ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในกองทุน LTF เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป บลจ.กสิกรไทยจะยังคงบริหารจัดการกองทุน LTF ทั้งหมด 8 กองทุนให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ โดยจะเปิดชั้นย่อย (Sub Class) ใหม่เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง

“สำหรับแผนการเปิด Sub Class ของกองทุน LTF ในปี 2563 บริษัทจะต้องดำเนินการจัดทำระบบเพื่อแยกผู้ลงทุนออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ลงทุนเดิม และกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของกฎหมายการเงินที่จะออกใหม่ในปี 2563 ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องระงับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนกองทุน LTF ชั่วคราวก่อนที่จะเดินหน้าเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนกองทุน LTF ตามปกติต่อไป” นายวศิน กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เคยสมัครบริการ K-Saving Plan และ Investment Plan ซึ่งตัดเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์หรือผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยอัตโนมัติ บริษัทจะดำเนินการระงับคำสั่งซื้ออัตโนมัติในทุกช่องทางทั้ง K PLUS, K-My Funds และ K-Cyber Invest ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.63 เป็นต้นไป โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาติดต่อยกเลิกด้วยตัวเอง

ในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เป็นที่ทราบกันแล้วว่าในปีหน้าจะมีมาทดแทนกองทุน LTF ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมที่จะจัดตั้งกองทุน SSF ให้สอดรับกับโครงสร้างใหม่ที่เปิดกว้างด้านนโยบายการลงทุนให้สามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์ทุกประเภททั้งตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนผสม เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย และสามารถจัดพอร์ตให้ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

ขณะที่กองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ยังคงได้รับการดูแลจากผู้จัดการกองทุนที่จะบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อให้กองทุนสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ ผู้ลงทุนจึงสามารถวางใจได้ว่ากองทุน LTF ของบลจ.กสิกรไทยจะยังคงได้รับการบริหารจัดการอย่างดีเช่นเดิม

นายวศิน กล่าวว่า ในปีนี้จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในกองทุน LTF กันให้เต็มสิทธิ์ภายใต้เงื่อนไข 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท โดยบริษัทยังคงแนะนำกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทใหญ่ชั้นนำที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีการจ่ายปันผลสูงสุดเมื่อเทียบกับ LTF อื่นๆ ของกสิกรไทย โดยกองทุน KDLTF มีการจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่อง 12 ปี มากถึง 19 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8.76 บาท/หน่วย (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ข้อมูล ณ 30 ก.ย.62)

สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยปลายปี 2562 คาดว่าระดับดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ (sideways) อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุน (1) ตลาดรับรู้ปัจจัยในด้านลบไปค่อนข้างมากแล้ว ในขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นในระยะยาวยังมีความน่าสนใจมากกว่าสินทรัพย์อื่น รวมถึงสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง (2) อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ระดับ P/E ของตลาดสามารถอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตได้

และ (3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ทั้งนี้ หากสถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลายขึ้น มองว่าหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นแตะ 1,700 จุด ด้วยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิล่วงหน้า (Forward P/E) ที่ 16.5 เท่า แต่หากพัฒนาการสงครามการค้าเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง หุ้นไทยน่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด ด้วย Forward P/E ที่ 14.5 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง


ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน LTF ของกสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาทผ่านแอป K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทย รวมถึงผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center โทน 02-673-3888