TMB Analytics เผยเศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ความล่าช้าของงบประมาณปี 63 และภัยแล้งรุนแรง สร้างความเสียหายกว่า 2.8 แสนล้านบาท ฉุดเศรษฐกิจร่วงโตแค่ 1.7- 2.1% จากเดิมคาด 2.7%
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
- บัตรเครดิตซิตี้ ย้ายไป UOB บัตรประเภทไหน เปลี่ยนแปลงอย่างไร
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์เคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผยว่า วิกฤติไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและส่งออกไทยเสียหาย 1.5 แสนล้านบาท โดยสถานการณ์ล่าสุดองค์กรอนามัยโลกประกาศการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภัยฉุกเฉินสากล(PHEIC) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไม่ให้ลามไปทั่วโลก และรัฐบาลจีนยังเดินหน้าใช้มาตรการป้องกันการลุกลามอย่างเข้มงวด
ทำให้ทีเอ็มบียังคงประเมินผลกระทบความรุนแรงจากไวรัสครั้งนี้อยู่ในวงจำกัด โดยผลกระทบรุนแรงจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน และการส่งออกไปจีนจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2563 อยู่ที่ 38.7 ล้านคน รายได้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวข้องลดลง 1 แสนล้านบาท รวมทั้งยอดส่งออกไปจีนจะลดลง 2.8 หมื่นล้านบาท ฉุดภาพรวมส่งออกทั้งปี 63 เติบโตลดลงเหลือ 0.6% จากเดิมมองที่ 1.2%
ทั้งนี้ คาดว่าเม็ดเงินลงทุนสะดุด 6.6 หมื่นล้านบาทจากความล่าช้าของงบประมาณปี 2563 ฉุดการลงทุนภาครัฐโตแค่ 2 % โดยการเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสแรกของปี 63 จะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 แต่มีแนวโน้มที่งบลงทุนในช่วงที่เหลือของปีจะเบิกจ่ายได้ในอัตราเร่งขึ้น ภายใต้เงื่อนไขกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณสามารถทำได้ภายในไตรมาสสอง ส่งผลให้อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนในปีนี้จะอยู่ที่ 60% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 70%ของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะสามารถเบิกจ่ายในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐโดยรวมเติบโตลดลงเหลือ 2% จากเดิมคาด 6%
ส่วนภัยแล้งที่เกิดขึ้นเร็วและรุนแรงสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ 6 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ฝนแล้งจะยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน โดยปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 10% ในทุกภาค และปริมาณน้ำในเขื่อนเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ระดับ 43% ใกล้เคียงกับกับปี 2548 ที่เกิดวิกฤตภัยแล้งที่มีความรุนแรงมากสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลต่อรายได้ภาคเกษตร และปัจจัยที่กดดันการบริโภคภาคเอกชนให้มีแนวโน้มชะลอลง
นายนริศ กล่าวอีกว่า คาดมาตรการพยุงเศรษฐกิจ ชดเชยผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงได้ราว 0.2% เริ่มจากมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตรเป็นเม็ดเงินรวมประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรสำคัญทั้งข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย ล่าสุดครม.อนุมัติมาตรการทางการเงิน ซึ่งเน้นช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐ และมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
“จาก 3 ปัจจัยลบที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ แม้มีมาตรการรัฐเข้าพยุง เชื่อว่าจะไม่สามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.7% เหลือ 1.7-2.1%” นายนริศกล่าว