“อุตตม” ชงด่วน! แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้าครม. 24 ก.พ.นี้

“ขุนคลัง” คาดพ.ค. เบิกจ่ายงบปี’63 ได้ 1 แสนล้าน-เล็งชงแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้าครม. 24 ก.พ.นี้

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะสภาธุรกิจอาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) ว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความล่าช้าของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เบื้องต้น ได้ชี้แจงแล้วว่า พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จะสามารถบังคับใช้ได้ในช่วงปลายเดือนมี.ค.63 อย่างไรก็ดี สำนักงบประมาณพร้อมเร่งรัดการเบิกจ่าย คาดว่าหลังจากที่งบประมาณบังคับใช้ได้แล้ว ภายในเดือนพ.ค.63 จะสามารถเบิกจ่ายได้กว่า 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงการคลังก็พร้อมออกชุดมาตรการมาดูแลเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้ คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ก.พ.63

สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้านั้น กระทรวงการคลังได้เตรียมการรับมือสำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจเรียบร้อยแล้ว โดยได้ของให้กรมบัญชีกลางดูแลกระบวนการเบิกจ่ายให้คล่องตัว รัดกุม เนื่องจากเรามีเวลาในการใช้งบประมาณปี 2563 ไม่มาก ขณะเดียวกันสำนักงบประมาณก็มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เช่นกัน เบื้องต้น กระทรวงการคลังได้มีการกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้ว

ขณะที่ชุดมาตรการดูแลเศรษฐกิจนั้น จะเป็นแพ็กเกจดูแลในหลายด้าน เบื้องต้น จะเป็นการดูแลในเรื่องความเชื่อมั่นผ่านการสนับสนุนการอุปโภคบริโภค เพราะต้องการดูแลครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการ พนักงาน และประชาชนทั่วไป เนื่องจากขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้ ก็ได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวก็จะมีมาตรการอีกชุดนึงออกมาดูแลภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน

ส่วนการการประชุม Meeting between Eu-Asean Business Council (EU-ABC) นักลงทุนมีความสนใจลงทุนระยะยาวในประเทศไทย โดยจะเห็นเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนในแทบสหภาพยุโรปมาลงทุนไทยภายในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวเห็นว่า ไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ ธุรกิจออนไลน์​ และยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ นักลงทุนกลุ่มดังกล่าว ไม่ได้สอบถามถึงความเสี่ยงในระยะสั้นที่เกิดขึ้น รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยที่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวมองเป็นโอกาสของประเทศไทยในการสร้างรายได้จากวิกฤติที่เกิดขึ้น


นอกจากนี้ในการประชุม กระทรวงการคลัง ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความพร้อม และจะเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปต่อ ตั้งแต่ระดับฐานราก เพื่อยึดโยงไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย และให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ในอนาคต รวมถึงการเน้นการเติบโตที่ครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่การกระจุกตัวเท่านั้น ซึ่งมองว่าจะเป็นผลดีกับภาคเอกชนทั้งไทยและต่างชาติด้วย