วายแอลจี บูลเลี่ยน รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 24.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +1.5% และปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการทะยานขึ้น +3.87% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปี 2019 โดยราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลัก 2 ประเด็น ได้แก่ 1.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐถูกเทขายจากการที่นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง (Risk off) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของไวรัส Covid-19 หลังการเกิดการระบาดอย่างรวดเร็วทั้งในจีนและนอกประเทศจีน โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่มียอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งแตะ 556 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในวันเดียวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีรานงานจำนวนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศ อาทิ อิสราเอล อิหร่านและอิตาลี 2.) การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ จากมาร์กิตปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 49.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 76 เดือน และบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐประสบภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013 ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนทองคำให้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีที่ 1,649.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ ขณะที่เช้านี้ ราคาทองคำบวกต่ออีก +2.2% แตะระดับ 1,679.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2013 สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิก

หลังจากราคาดีดตัวขึ้นแรงจนทดสอบแนวต้านโซน 1,682 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถผ่านได้ อาจเห็นแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาค่อนข้างมาก ขณะที่ความผันผวนของราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับ 1,652-1,643 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

เข้าซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,652-1,643 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อหวังรอขายทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,675-1,682 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสถานะซื้อตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,643 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คำแนะนำ หากราคาทองคำสามารถยืน 1,652-1,643 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ สามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่หากราคาปรับตัวขึ้นให้จับตาแนวต้านโซน 1,675-1,682 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป