แบงก์ทำแผนทดสอบรับภาวะวิกฤต กสิกรไทย-กรุงไทยยันกองทุนแข็งแกร่ง

แบงก์กสิกรไทย-กรุงไทย ชี้ ทำแผนทดสอบภาวะวิกฤตเป็นปกติ รับใส่ปัจจัยเศรษฐกิจติดลบ-ผลกระทบโควิด-19 เพิ่ม เชื่อสถานะเงินกองทุนยังแกร่ง 17-18% พร้อมตั้งสำรองเพิ่มตามตัวเลขหนี้เสียเร่งตัว จับตาปลายปีภาครัฐมีมาตรการอุ้มเอสเอ็มอี-รายย่อยต่อ

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การทำแผนทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของกสิกรไทยทำเป็นปกติอยู่แล้ว โดยได้ใส่ปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวติดลบ และผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ธนาคารจัดทำแผนประเมินการบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปี โดยปัจจุบันระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ระดับแข็งแกร่งที่ 17-18%

ขณะที่ธนาคารกสิกรไทยยังคงตั้งสำรองอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่ธปท.อยากเห็น 11-12% ซึ่งยอมรับว่าภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เงินกองทุนย่อมลดลงตามทิศทางหนี้ที่ไมก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับใด อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ลากยาวสถานะเงินกองทุนจะยิ่งอ่อนแอได้

“เราทำ Stress Test เป็นปกติไม่ได้แตกต่างจากของเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารได้ใส่ปัจจัยผลกระทบต่อจีดีพีและผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ลงไปเพิ่มเติม”

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตอนนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการทำแผนทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารภายใต้โจทย์จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ซึ่งโดยรวมยังสอดคล้อง กับแผนเดิมที่ธนาคารทำอยู่ก่อนหน้า โดยเฉพาะเงินกองทุนต่อสินนทรัพย์เสี่ยง (BIS) และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญยังคงแข็งแกร่ง


อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงปลายปีที่จะเริ่มเห็นการทยอยหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้บางกลุ่มว่าเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้มีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าตอนนี้ฐานะของลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และรายย่อยยังแข็งแกร่ง แต่ระยะข้างหน้าก็อาจเห็นสถานะอ่อนแอลดลง ดังนั้น เชื่อว่าจะเห็นการออกมาตรการจากภาครัฐอะไรใหม่ๆ ออกมามารองรับหรือช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง