ส่อง 6 หุ้นเด่น รับอานิสงส์ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นท่องเที่ยว

ทะเล ท่องเที่ยว เที่ยวปันสุข
ภาพ: Mladen ANTONOV/AFP

ส่อง 6 หุ้นเด่น รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ อย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกรอบดัชนี 1,365-1,400 จุด

บล. โกลเบล็ก ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวในลักษณะ Sideway ให้กรอบดัชนี 1,365-1,400 จุด พร้อมประเมินโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาครึกครื้น แนะ 6 หุ้น ที่น่าจับตาว่าจะได้รับประโยชน์จากแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้แก่ ERW CENTEL AOT  AAV BA และ ASAP

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยให้กรอบดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,365-1,400 จุด หลังนักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจีน

ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ GBS มองว่า การที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมของดัชนีเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว อาทิ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งในเดือน มิ.ย. ดัชนี PMI ภาคบริการของจีน ในเดือน มิ.ย.พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 53 และยังมีการคาดหวังว่าทางการจีนจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในเร็วๆนี้

ขณะที่ปัจจัยเชิงบวก โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดี คาดว่าสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงสภาพคล่องเศรษฐกิจให้หมุนเวียน และกลับมาสะพัดในประเทศได้ดีขึ้น

6 หุ้นรับประโยชน์กระตุ้นท่องเที่ยว

ดังนั้น หากพิจารณาด้านการลงทุน เพื่อให้สอดรับการนโยบายในข้างต้น ทางฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้น ERW CENTEL AOT AAV BA และ ASAP จะเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากภาคกระตุ้นการท่องเที่ยว

Advertisment

พร้อมกันนี้ ยังแนะนำหุ้นเด่นที่ทาง IAA Consensus แนะนำตรงกัน อาทิ ADVANC, CK, CPALL, CPF และ INTUCH

นางสาววิลาสินี มองว่า แม้ภาพรวมการลงทุนจะเริ่มมีการฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ยังคงต้องให้จับตาปัจจัยต่างๆทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ที่ยังคงเป็นตัวแปรหลักเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน อาทิ ธปท. เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ

Advertisment

ขณะที่ญี่ปุ่น เตรียมเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ค. รวมทั้งสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์วันนี้ (8 ก.ค.) และวันที่ 9 ก.ค. ทางญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือน พ.ค. ส่วนจีนก็ได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย.และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ค.63

ส่วนในวันที่ 10 ก.ค. จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจ คาดจะพิจารณาจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ SMEs และทางญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย. เช่นเดียวกับสหรัฐ รวมทั้งติดตามการรายงานผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2563 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศระหว่างวันที่ 13-21 ก.ค.นี้ และวันที่ 15 ก.ค. จะเริ่มเปิดลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”

“ล่าสุดทางโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ เป็น -4.6% จากเดิม -4.2% และการส่งออกของไทยหดตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกในปีนี้เป็นหดตัว 10% จากเดิมที่คาดหดตัว 8% จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเงินบาทแข็งค่ากดดันตัวเลขส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ หดตัว 3.71%YoY” นางสาววิลาสินีกล่าว