คลังรับลูก “สมคิด” เปิดกว้างธุรกิจโรงแรมเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ผ่อนผัน 3 กลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาต เน้นกระจายเม็ดเงินสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ คาด “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สศค. และกรมสรรพากร เตรียมมาตรการท่องเที่ยวออกมาเสริมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังพิจารณาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้ให้บริการที่พัก ด้วยการเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น จากเดิมเปิดให้เฉพาะผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2563 เข้ามาร่วมโครงการได้
โดยจะมีแนวทางผ่อนผันให้ผู้ประกอบการ อาทิ 1.กลุ่มที่อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม 2.กลุ่มที่ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมเพิ่งหมดอายุไปไม่เกิน 1 ปี ก็จะได้รับการผ่อนผันให้เข้าร่วมมาตรการได้ เนื่องจากช่วงโควิด-19 อาจจะไม่สะดวกในการไปต่อใบอนุญาต และ 3.กลุ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต เป็นโรงแรมขนาดเล็ก หรือบูติคโฮเต็ล ซึ่งยังไม่ผ่านคุณสมบัติการจดทะเบียนขึ้นเป็นโรงแรม แต่ได้มาตรฐานการเป็นบูติคโฮเต็ล โดย สศค.ได้เตรียมการในเรื่องดังกล่าว โดยหารือกับผู้ประกอบการผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
นายลวรณกล่าวว่า การผ่อนผันกลุ่มผู้ประกอบการเข้ามา จะขยายเป้าหมายห้องพักที่จำกัดไว้ 5 ล้านห้องหรือไม่นั้น คงต้องเข้าไปพิจารณาก่อน เนื่องจากเพิ่งเริ่มมาตรการจึงต้องรอดูกระแสตอบรับของประชาชนก่อน เนื่องจากขณะนี้มีเงินในส่วนของห้องพัก 1.5 หมื่นล้านบาท จำนวน 5 ล้านห้อง ซึ่งมาจากการคิดอัตราการชดเชย 3,000 บาททุกห้อง แต่ความเป็นจริงน่าจะใช้ไม่ถึง เพราะประชาชนไม่น่าจะเข้าพักโรงแรมห้องละ 7,500 บาท เพื่อมารับเงินชดเชย 3,000 บาทที่รัฐสนับสนุน ดังนั้นจะมีเงินเหลืออยู่บางส่วน ซึ่งจะเข้าไปดูว่าสามารถทำอย่างไรต่อได้บ้าง
โดยหากยังมีวงเงินที่เหลือใช้จากมาตรการจะนำไปต่อยอดการสร้างแรงจูงใจในการเที่ยววันธรรมดา เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น พัทยา หัวหิน ประชาชนมักจะไปท่องเที่ยวกันมากในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ การกระตุ้นให้เที่ยววันธรรมดาก็เพื่อสร้างรายรับให้กับธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ สศค.อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะออกมาให้เร็วที่สุด
มาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติมจะเข้าไปเสริมมาตรการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ 0.2-0.3% อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ คือการกระจายของเม็ดเงินลงไปสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยไม่กระจุกตัว