ปรับพอร์ตลงทุน 3 หุ้นแกร่ง ‘ADVANC-TTW-CHG’ รับมือตลาดผันผวน

ภาพประกอบข่าว Defensive Stock หุ้นปลอดภัย หุ้นบวก
Photo by Markus Winkler on Unsplash

ดัชนีหุ้นเสี่ยงปรับฐานทดสอบ 1,250 จุด เหตุกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่มั่นคง ‘บล.โกลเบล็ก’ แนะกลยุทธ์ซื้อหุ้น Defensive Stock ‘ADVANC-TTW-CHG’ รับมือตลาดผันผวน

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวนสูง โดยคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,300 จุด เนื่องทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยสถานการณ์การติดเชื้อไวัสโควิด-19 ทั่วโลกทำสถิติสูงสุดรายวันอีกครั้ง สะท้อนถึงการระบาดรอบ 2 โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา และมาเลเซีย ที่มีมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ขณะที่ในประเทศไทยเองได้มีการตรวจพบนักฟุตบอลติดเชื้อไม่มีอาการ 1 ราย และอยู่ระหว่างตรวจผู้ใกล้ชิด 441 คน เป็นลบ 155 คน ที่เหลือยังคงต้องรอผลตรวจที่ชัดเจนซึ่งจะทยอยทราบลำดับต่อไป

นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองในประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยในวันที่ 19 ก.ย.นี้ กลุ่มประชาชนปลดแอกนัดชุมนุมใหญ่ทางการเมือง รวมทั้งประเด็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 คาดว่าจะมีความล่าช้าราว 1 เดือน ล่าสุด สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ส.ค.63 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 21%

ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 6/2563 วันที่ 23 ก.ย.63 และ การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงสิ้นเดือน

ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาและมีผลต่อการลงทุนในขณะนี้ ได้แก่ การออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ของสหรัฐ รวมถึงติดตามการเปิดเผยตัวเลขราคานำเข้าและส่งออก ดัชนีภาคการผลิต การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย สต็อกน้ำมัน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง และดัชนีการผลิตเดือน ก.ย. รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ที่จะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทราบผลในเช้า 17 ก.ย.63 ตามเวลาประเทศไทย

ขณะที่ประเทศจีนจะมีการเปิดเผยตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราการว่างงาน ส่วนยุโรปจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และดุลการเดือน ส.ค. นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)

ด้าน นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน แม้จะมีปัจจัยบวกจากกรณีที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ กลับมาทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 ในสหราชอาณาจักรอีกครั้ง รวมถึงธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) เพิ่มคาดการณ์จีดีพีสหรัฐไตรมาส 3/63 เป็น 27% จากเดิม 15% แต่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ฝ่ายวิจัยแนะนำลงทุนหุ้นที่มีแนวโน้มปลอดภัย (Defensive Stock) ได้แก่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) โดยความเห็นของนักวิเคราะห์ผ่าน Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 226.87 บาท ขณะที่การประกาศผลกำไรปกติไตรมาสที่ 2/63 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

แม้กำไรปกติจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่มองว่ากำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับบริษัทฯ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ

ถัดมาแนะนำ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ซึ่ง Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 14.49 บาท เนื่องจากกลุ่มครัวเรือนยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามมาตรการให้พนักงานทำงานจากบ้าน (Work from Home) ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหารเองก็มีการใช้กำลังการผลิตมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ส่วนผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ

และสุดท้าย บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ซึ่ง Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 2.92 บาท โดยผู้บริหารยังคงเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่โรงพยาบาล 2 แห่งใหม่ คือ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลรวมแพทย์ ฉะเชิงเทรามีผลขาดทุนลดลง และเริ่มถึงจุดคุ้มทุนก่อนจะทำกำไรได้ในช่วงปลายปี

ด้านภาพรวมของการลงทุนในทองคำายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900-1,970 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำในประเทศที่  28,110-29,250 บาท/บาททองคำ หากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม