“สาระ ล่ำซำ-ไชย ไชยวรรณ” ส่ง “เมืองไทย-ไทยประกันชีวิต” ซื้อหุ้น SCGP

ไทยประกันชีวิต เมืองไทยประกันชีวิต

เดือน ต.ค.2563 ที่จะถึงนี้ ตลาดหุ้นไทยคงมีความคึกคักไม่น้อยเมื่อหุ้นน้องใหม่อย่าง บมจ.บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ปูซิเมนต์ไทย(SCC) จะเข้าจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่ากันว่าจะมาร์เก็ตแคปสูงประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จากการคำนวณตามช่วงราคาซื้อขายเบื้องต้นที่ 33.50-35.00 บาทต่อหุ้น โดยจะมีการกำหนดราคาซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 8 ต.ค.63

หุ้น SCGP จะจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวด “บรรจุภัณฑ์” มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 1,296.68 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวนไม่เกิน 1,127.55 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.5% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ส่วนที่เหลือไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น จะเป็นการขายหุ้นส่วนเกิน(Green Shore)

โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน (Cornerstone Investors) จำนวน 18 ราย ได้ลงนามในสัญญา Cornerstone Placing Agreement รวมทั้งสิ้น 676.53 ล้านหุ้น หรือประมาณ 60% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอไอพีโอ ซึ่งประกอบด้วย นักลงทุนสถาบันในประเทศ 14 รายรวมทั้งสิ้น 600 ล้านหุ้น และจากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ 2 รายที่เข้าไปซื้อหุ้นครั้งนี้คือ บมจ.ไทยประกันชีวิต ของตระกูล “ไชยวรรณ” ที่มีหัวเรือใหญ่บริหารงานคือ “ไชย ไชยวรรณ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามมาด้วย บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ของตระกูล “ล่ำซำ” ที่มีหัวเรือใหญ่บริหารงานคือ “สาระ ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

1.บลจ.บัวหลวง จำนวน 135 ล้านหุ้น

2.บลจ.กสิกรไทย จำนวน 135 ล้านหุ้น

3.บลจ.ไทยพาณิชย์ จำนวน 81 ล้านหุ้น

4.บลจ.เอ็มเอฟซี จำนวน 63 ล้านหุ้น

5.บลจ.ทิสโก้ จำนวน 42 ล้านหุ้น

6.บลจ.กรุงไทย จำนวน 37 ล้านหุ้น

7.บลจ.ยูโอบี(ประเทศไทย) จำนวน 26 ล้านหุ้น

8.บลจ.ธนชาต จำนวน 25 ล้านหุ้น

9.บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 13 ล้านหุ้น

10.บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด(ประเทศไทย) จำนวน 11 ล้านหุ้น

11.บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 8 ล้านหุ้น

12.บลจ.พรินซิเพิล จำนวน 8 ล้านหุ้น

13.บลจ.ภัทร จำนวน 8 ล้านหุ้น

14.บลจ.วรรณ จำนวน 8 ล้านหุ้น

ส่วนที่เหลือ 4 รายเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศรวม 76.53 ล้านหุ้นคือ 1.Avanda Investment Management Pte Ltd จำนวน 27 ล้านหุ้น 2.NTAsian Discovery Master Fund จำนวน 23 ล้านหุ้น 3.Ghisallo Master Fund LP จำนวน 13.265 ล้านหุ้น 4. Tydor Systematic Tactical Trading LP จำนวน 13.265 ล้านหุ้น


ทั้งนี้สัดสวนหุ้นอีก 15% จะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นของ SCC และอีก 25% จัดสรรให้ผู้มีอุปการคุณของ SCGP และผู้ถือหุ้นกู้ของ SCC และลูกค้าของผู้จัดการจำหน่ายและการรับประกัน