นักวิเคราะห์หวั่นตลาดหุ้นสัปดาห์หน้าปรับฐาน 1,200 จุด จับตาชุมนุม 14 ต.ค.

ประชาชนปลดแอก นัดชุมนุมหน้ารัฐสภา
การชุมนุมใหญ่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งจัดโดยเครือข่าย ประชาชนปลดแอก (แฟ้มภาพ)

นักวิเคราะห์ 3 สถาบัน ห่วงปัจจัยการเมืองในประเทศกดดัน SET Index สัปดาห์หน้า เสี่ยงเข้าสู่ภาวะสุญญากาศ-ปรับฐาน 1,200 จุด ‘บล.ทรีนีตี้’ แนะถือเงินสดเพิ่มป้องกันความเสี่ยง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยมุมมองดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) สัปดาห์หน้า (12-16 ต.ค.) โดยคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,200-1,300 จุด จากระดับปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,260 จุด ส่งผลให้ SET Index มีความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) มากกว่าโอกาสปรับขึ้น (Upside) และคาดว่าดัชนีจะแกว่งออกข้าง (Sideway) ไปจนถึงแกว่งออกข้างขาลง (Sideway Down)

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม ในประเทศแนะนำติดตามปัจจัยการนัดชุมนุมประท้วงทางการเมืองในวันที่ 14 ต.ค.63 โดยจากกระแสข่าวที่ออกมา หากมีการปักหลักชุมนุมต่อเนื่องประมาณ 1-2 วัน คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นมากนัก แต่หากยืดเยื้อกินเวลานานกว่าที่ประเมินเอาไว้จะเป็นความเสี่ยงให้ SET Index เข้าสู่ภาวะสุญญากาศ (Overhang) เนื่องจากนักลงทุนจะรอดูความชัดเจนและชะลอการลงทุนไปก่อน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศให้น้ำหนักกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกสองที่ทวีความรุนแรงเป็นหลัก เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป

เมื่อสอบถามถึงกลยุทธ์การลงทุน นายณัฐชาต กล่าวว่า เนื่องจาก Downside ที่มีมากกว่า Upside จึงแนะนำถือเงินสดในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าช่วงปกติ แต่หากจำเป็นต้องเลือกลงทุน แนะนำซื้อหุ้นกลาง-เล็กซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ มูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ สภาพคล่องจากการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยสูง รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบจากการขายชอร์ตมากเท่าหุ้นขนาดใหญ่

ด้าน นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า SET Index เดือน ต.ค. ปรับขึ้นประมาณ 3% โดยปรับขึ้นมากล้บริเวณแน้วต้านที่ 1,280 จุด ส่งผลให้ Upside ระยะสั้นของตลาดหุ้นเริ่มจำกัด และคาดว่าสัปดาห์หน้าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,260 จุด บวกลบ

โดยปัจจัยในประเทศที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้น ได้แก่ วันหยุดยาว และการเมืองในประเทศที่กลับมากดดันดัชนีอีกครั้ง โดยจะต้องติดตามความชัดเจนของการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงระดับความรุนแรงของการชุมนุม ส่วนปัจจัยต่างประเทศให้น้ำหนักกับการดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ หากนายโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐต่อไป

“โดยสรุปเราคาดว่าดัชนีที่ฟื้นตัวขึ้นมามากแล้วในสัปดาห์นี้ จะส่งผลให้สัปดาห์หน้าการฟื้นตัวเริ่มชะลอลงที่บริเวณ 1,260 จุด ส่วนหุ้นเด่นที่แนะนำลงทุน คือ BEM เนื่องจากเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท” นายสรพล กล่าว

ขณะที่ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์หน้าฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับปัจจัยการปรับตัวเลขจีดีพีขึ้นทั่วโลก (World GDP) เป็นปัจจัยบวก ขณะที่ปัจจัยลบมาจากปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยจะต้องมอนิเตอร์สถานณการณ์การชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. อย่างไรก็ดี หากเทียบกับการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ครั้งนี้ความรุนแรงหรือความเข้มข้นเบาบางกว่า

ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มดัชนีสัปดาห์หน้าจะยังเผชิญแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ SET Index เคลื่อนไหวระหว่าง 1,250-1,280 จุด ซึ่งในภาวะเช่นนี้จะต้องเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) ซึ่ง บล.เอเซีย พลัส คัดเลือก 6 หุ้นแกร่งที่มีแนวโน้มกำไรดี มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และราคายังปรับขึ้นไม่มากนัก ได้แก่ ASK DOHOME INSET MTC NOBLE และ STGT