ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า จากความกังวลสถานการณ์การเมือง กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5%

ค่าเงินบาท

ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/11) ที่ระดับ 30.19/21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (17/11) ที่ระดับ 30.16/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศหลังเกิดเหตุรุนแรงในการชุมนุม

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปีตามตลาดคาด เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าคาด แต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และความไม่แน่นอนสูง นายทิตนันท์ มัลลิกะมาศ เลขานุการ กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

สำหรับทางฝั่งสหรัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.5% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนกันยายน โดยยอดค้าปลีกเดือนตุลาคม ขยายตัวน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ แม้จะมีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน นายพาวเวลยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการสนับสนุนด้านการคลังเพิ่มเติม ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าที่จะมีวัคซีนแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.20-30.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.31/33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/11) ที่ระดับ 1.1875/77 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (17/11) ที่ระดับ 1.1869/71 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ขานรับความคืบหน้าข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป โดยนายเดวิด ฟรอสต์ หัวหน้าคณะเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ ได้แจ้งให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษทราบว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) อาจบรรลุข้อตกลงการค้าหลัง Brexit ในสัปดาห์หน้า หลังการเจรจาหยุดชะงักไปนานอันเนื่องมาจากความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1849-1.1891 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1880/84 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/11) ที่ระดับ 104.10/12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (17/11) ที่ระดับ 104.25/28 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากยอดส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 4.9% ในเดือนกันยายน ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นแตะระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าญี่ปุ่นในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น รถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานของกระทรวงระบุว่าปัจจัยที่ทำให้ยอดส่งออกของญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นนั้น มาจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐและจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 103.83-104.21 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 103.89/91 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนใบอนุญาตสร้างบ้านสหรัฐเดือนตุลาคม (18/11) จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างสหรัฐ เดือนตุลาคม (18/11) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐ (19/11) ดัชนีอุตสาหกรรมการผลิตโดยธนาคารกลางสหรัฐ สาขาฟิลาเดลเฟีย เดือนพฤศจิกายน (19/11) ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือนตุลาคม (19/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคญี่ปุ่น (19/11) ดัชนี PMI ญี่ปุ่น (20/11) ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของไทยเดือนตุลาคม (20/11) และยอดค้าปลีกสหราชอาณาจักรเดือนตุลาคม (20/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.85/0.95 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.5/+0.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ