หุ้นบวก 4.83 จุด อานิสงส์ข่าววัคซีนป้องกันโควิด-19 จาก ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ โบรกฯ ชี้กลุ่มหุ้นใหญ่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนี เก็ง SET Index วันสุดท้ายของสัปดาห์แกว่งในกรอบกรอบ 1,350-1,380 จุด
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 19 พ.ย.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดบวกที่ 1,369.42 จุด ปรับขึ้น 4.83 จุด หรือปรับขึ้น 0.35% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 82,325.27 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแกว่งผันผวนก่อนที่จะปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่จุดสูงสุดวันนี้อยู่ที่ 1,375.02 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,362.41 จุด
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 916.75 ล้านบาท และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 790.63 ล้านบาท ส่วนกลุ่มนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 982.59 ล้านบาท และกลุ่มนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 724.79 ล้านบาท
โดยปัจจัยบวกมาจากที่ บริษัท “แอสตราเซเนกา” (AstraZeneca) และ “ออกซฟอร์ด” (Oxford) ประกาศผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความปลอดภัย และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในผู้สูงอายุได้ดี ส่งผลให้ทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน (ฟันด์โฟลว์) ยังคงไหลเข้ากลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ได้แก่ ปิโตรเคมี โรงกลั่น และธนาคาร นำโดย IVL +6.14% PTTGC +3.86% DELTA +3.46% KBANK +3.17% CBG +5.93% SCB +2.12% และ BAY +3.04%
-
อ๊อกซ์ฟอร์ด ประกาศ วัคซีนโควิด สร้างภูมิคุ้มกันดีเยี่ยมในผู้สูงวัย
-
ไฟเซอร์ ประกาศ วัคซีนโควิด ได้ผล 95% แล้ว โลกได้ใช้ในอีกไม่กี่วัน
เมื่อสอบถามถึงแนวโน้ม SET Index วันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า วันสุดท้ายของสัปดาห์คาดว่าดัชนีจะแกว่งออกข้าง (ไซด์เวย์) จากความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศที่ยังคงกดดัน หลังภาครัฐประกาศยกระดับความเข้มงวดในการจัดการการชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมประกาศยกระดับการชุมนุมขึ้นมาเช่นกัน โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,350-1,380 จุด
“กลยุทธ์การลงทุน เรายังเลือกหุ้นบิ๊กแคปเกาะกลุ่มไปกับแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน โดยเลือก บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เป็นหุ้นเด่น จากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นประมาณ 2% น้อยกว่าตัวอื่นๆ ในกลุ่ม อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากความคาดหวังการท่องเที่ยวจะกลับมา เนื่องจากมีปริมาณขายเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet Fuel) มากกว่าเจ้าอื่นๆ” นายวิจิตร กล่าว