หุ้นกู้ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ได้รับการจัดอันดับเครดิต “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

หุ้น
ภาพ Pixabay

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ยืม และ/หรือใช้ชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในประเทศไทย ตลอดจนความแข็งแกร่งทางการตลาดของธุรกิจการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัท และผลประกอบที่ปรับดีขึ้นของบริษัทด้วย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพี และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คือ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีปัจจัยลดทอนจากภาระหนี้สินทางการเงินที่อยู่ในระดับสูงของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก ขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงเงินลงทุนที่บริษัทต้องใช้ในการขยายโครงข่ายการให้บริการสื่อสารและใช้ชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ด้วย

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ทั้งสิ้น 1.04 แสนล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการให้บริการซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายจำนวน 7.97 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 1.4% อันเป็นผลมาจากผลประกอบการที่ดีของธุรกิจให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นสำคัญ