IND ฝ่ากระแสโควิดเข้าเทรดพรุ่งนี้! ผู้บริหารลุ้นราคาหุ้นเหนือจอง

หุ้น IND

‘อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป’ หรือ IND ผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา ส่งหุ้นเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 22 ธ.ค.นี้ ผู้บริหารเชื่อมั่นนักลงทุนให้การตอบรับดี

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “IND” ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ โดย IND ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาในรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านงานสำรวจและศึกษาความเหมาะสมของโครงการ งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานควบคุมงานก่อสร้างและงานบริหารโครงการ และงานออกแบบพร้อมก่อสร้างให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน

สำหรับผลงานที่ผ่านมา อาทิ งานที่ปรึกษาเพื่อทำการบริหาร โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ งานบริหารจัดการ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต และงานออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ระบบท่อขนส่งน้ำมัน Hydrant System Phrase 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ งานออกแบบพร้อมก่อสร้าง คลังน้ำมันพิจิตร และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง คลังน้ำมันลำปาง โดย ณ 30 ก.ย.63 มีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) รวมประมาณ 530 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 1-2 ปี

ทั้งนี้ IND มีทุนชำระแล้ว 175 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 260 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) โดยเสนอขายให้บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้มีอุปการคุณของบริษัท รวมจำนวน 81 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท จำนวน 9 ล้านหุ้น ในระหว่างวันที่ 14 – 16 ธ.ค.63 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.10 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 99 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 385 ล้านบาท

การกำหนดราคาหุ้น IPO ครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) เท่ากับ 34.25 เท่า โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ต.ค.62 – 30 ก.ย.63) เท่ากับ 11.24 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.03 บาท มี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ด้าน นายชัยณรงค์ ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจมากว่า 37 ปี มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและให้บริการในงานด้านวิศวกรรมทุกสาขา ครอบคลุมการดำเนินงานทุกส่วนอย่างครบวงจร และเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ ซึ่งการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

Advertisment

ทั้งนี้ IND มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัว ณ ลำพูน ถือหุ้น 48.73% นายถาวร จิตจง ถือหุ้น 1.78% และ นางสาวรัตนา เจาวัฒนา ถือหุ้น 1.63% บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินของบริษัท ภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น (ถ้ามี) โดยรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.index.co.th และ www.set.or.th

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หุ้น IND จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญในงานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษามามากกว่า 37 ปี ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ ส่งผลให้หุ้น IND มีความน่าเชื่อถือและน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นได้

Advertisment

ขณะที่ นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IND กล่าวว่า หุ้น IND เป็นหุ้นที่มีความน่าใจและราคาหุ้นที่ 1.10 บาท ถือว่ามีความเหมาะสม ประกอบกับศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจเพื่อรองรับงานในอนาคต จากความสามารถในการรับงานและผลงานที่ผ่านมาของบริษัทฯ ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทฯ จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“คาดว่าหุ้น IND ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากศักยภาพการทำงานของบริษัท และเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่สามารถเติบโตตามการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้ จึงทำให้หุ้น IND มีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ” นายสมภพ กล่าว