“ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย” ชี้ตลาดหุ้นโลก-ไทยปี’64 ครึ่งปีแรกขาขึ้น รับเศรษฐกิจโลกค่อยๆทยอยฟื้นตัว-คืบหน้าวัคซีน-เอ็นจอยภาวะดอกเบี้ยต่ำ-สภาพคล่องสูง หุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจดึงดูดเงินทุนไหลเข้า มองเป้าดัชนีสิ้นปีอยู่ที่ 1,600 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) เปิดเผยว่า ในปี 2564 แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นปีที่ดีมากๆ สอดคล้องทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยช่วง 5 วันทำการ ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด ถือว่าปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาด ฉะนั้นระยะสั้นๆ ยังดูยาก แต่เชื่อว่าในระยะยาวตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกน่าจะอยู่ในขาขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกเนื่องจากภาพเศรษฐกิจโลกเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างชัดเจน จึงน่าจะมีโมเมนตัมที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ในขณะที่การระบาดโควิดรอบ 2 รอบ 3 รอบ 4 ในบางประเทศ นักลงทุนจะไม่ค่อยกังวลเท่าไรเพราะเริ่มรับข่าวดีวัคซีนที่ทยอยออกมา ซึ่งประเด็นวัคซีนจะถือเป็นเรื่องใหญ่ของปีนี้ เนื่องจากต้องติดตามว่าบริษัทยาทั่วโลกจะผลิตวัคซีนออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน และการใช้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพควบคุมทำให้คนมีภูมิต้านทานไปได้ยาวนานแค่ไหน หากมีข้อผิดพลาดขึ้นมาจะกระทบหนัก เพราะวันนี้ตลาดหุ้นสะท้อนภาพวัคซีนที่ประสบความสำเร็จอย่างดี
ตอนนี้มีประมาณ 44 ประเทศ ที่มีการเริ่มฉัดวัคซีนให้ประชากรตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง ส่วนทวีปเอเชียยังไม่มากนัก โดยที่มาแรงสุดคือประเทศอิสราเอล ดำเนินการฉีดวัคซีนไป 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ส่วนปีนี้ภาพทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก คาดว่าคงไม่ได้ปรับขึ้นและไม่ปรับลง ฉะนั้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ประกอบกับเรื่องของสภาพคล่องที่มีจำนวนมาก โดยธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังอัดฉีดสภาพคล่อง(QE) อยู่ประมาณ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ซึ่งต่อไปเฟดมีโอกาสลดการทำ QE ลงมาหากภาพเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเข้าที่เข้าทาง และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่พรรคเดโมแครตผลักดันออกมาต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่(EM) ปรับตัวแข็งค่าขึ้นและมีความน่าสนใจ
“วันนี้ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกยังเอ็นจอยกับภาวะดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องที่สูง ผ่านมาาตรการ QE ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ เพราะนอกจากเศรษฐกิจจะดีขึ้น ตลาดหุ้นไทยยังมีสัดส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical stock) สูง ซึ่งที่ผ่านมาเงินทุนไหลเข้าหุ้นเหล่านี้แต่อาจจะยังไม่มาก เพราะนักลงทุนอาจรอดูผลประกอบการ(กำไร บจ.) ก่อน ซึ่งปีนี้ผลสำรวจนักวิเคราะห์ประมาณะการกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 40% น่าจะทำให้โมเมนตัมการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยไปต่อได้
“ช่วง 10 เดือนแรกนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไป 3 แสนล้านบาท แต่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายกลับมาซื้อสุทธิ 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นโอกาสของฟันด์โฟลว์ที่หายไป 2.6 แสนล้านบาท น่าจะไหลกลับเข้ามาได้มากพอสมควร แต่ที่ผ่านมามักจะเกิดเหตุการณ์ให้เงินไหลออกไปทุกครั้ง หวังว่าปีนี้น่าจะสงบในเรื่องการเมือง” นายไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้มองเป้าดัชนีสิ้นปี 64 อยู่ที่ 1,600 จุด แม้ว่าระดับดัชนีในปัจจุบันใกล้จะถึงแล้ว แต่ขอดูพัฒนาการว่าจะดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องมารีวิวกันใหม่อีกครั้ง โดยหุุ้นที่น่าสนใจคือ หุ้นแบงก์ หุุ้นพลังงาน หุ้นปิโตรเคมี หุ้นไอซีที และช่วงครึ่งปีหลังหุ้นบริโภคน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นหลังได้รับการฉัดวัคซีนไปแล้ว ส่วนหุ้นท่องเที่ยวยังน่าเป็นห่วงว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน และฟื้นแล้วจะฟื้นแบบไหน