แนวโน้มค่าเงินบาทในศักราชใหม่ 2564

ค่าเงินบาท ธุรกิจแลกเงิน
แฟ้มภาพ
นั่งคุยกับห้องค้า
พีรพรรณ สุวรรณรัตน์, กอบสิทธิ์ ศิลปชัย
ธนาคารกสิกรไทย

เราเปิดศักราช 2564 ด้วยค่าเงินบาทที่ผันผวนรุนแรงตั้งแต่สัปดาห์แรกของปี ความหวังของโลกดีขึ้น เมื่อเราจะมีนักรบวัคซีนมาต่อสู้กับโรคโควิด-19 ทำให้เรามองว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะดีกว่าปีก่อน แม้ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ค่าเงินในแถบบ้านเราจะมีทิศทางแข็งค่า ส่วนเงินบาทมีแนวโน้มผันผวน และแข็งค่าแตะ 29.00-29.25 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปลายปี

สิ่งสำคัญที่เราต้องติดตาม จึงหนีไม่พ้นความรวดเร็วในการฉีดวัคซีน เพราะปัจจุบันศักยภาพการผลิตวัคซีนยังไม่มากพอ ให้โลกสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ทันในปีนี้ ประเทศใดที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ก่อน จึงได้เปรียบที่เศรษฐกิจประเทศนั้นจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น และส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของค่าเงินสกุลนั้นด้วย

ข่าวดีรับปีใหม่ยังไม่สิ้นสุด การเลือกตั้งซ่อมวุฒิสภา รัฐจอร์เจียของสหรัฐกลายเป็นแสงสว่างอีกดวงหนึ่ง เมื่อพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะ จนทำให้พรรคเดโมแครตได้บริหารประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งประธานาธิบดี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา นั่นหมายถึง การผลักดันนโยบายการคลังที่ราบรื่นขึ้น และไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ วงเงินสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 57 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดการเงินโลกเช่นกัน

ในฝั่งนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ส่งสัญญาณสอดคล้องกัน คือ จะผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเรามองว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้ศูนย์ และคงปริมาณอัดฉีดสภาพคล่องอย่างน้อยเดือนละ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ตลอดทั้งปีนี้ ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เงินบางส่วนจะไหลเข้าสู่ตลาดเอเชียบ้านเรา

สาเหตุที่เรามองว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะไหลสู่เอเชียรวมทั้งไทย ก็เพราะเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 เร็วกว่าประเทศอื่น ๆ จนจีดีพีขยายตัวเป็นปกติแล้วในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และเอเชียซึ่งมีเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับจีนอย่างมาก ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ประกอบกับมีเม็ดเงินต่างชาติที่รอซื้อพันธบัตรจีนเพิ่มเติม สอดรับกับที่ ฟุตซี่ รัสเซล จะเพิ่มพันธบัตรจีนเข้าสู่การคำนวณดัชนีพันธบัตรรัฐบาลโลกในช่วงปลายปี ทำให้เงินหยวนและเงินในเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่า

ปัจจัยเฉพาะอีกประการหนึ่งที่ทำให้เงินบาทโน้มเอียงในทางแข็งค่า นั่นคือ โครงสร้างมูลค่าส่งออกของเราที่สูงกว่ามูลค่านำเข้ามาโดยตลอด อีกทั้งยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเสริมตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไทยสุทธิในรูปดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล แม้ในปีนี้เราจะมองว่าเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาขาดดุล

แน่นอนว่า ธปท.ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่านี้ โดยพยายามสร้างบรรยากาศให้ไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อชดเชยการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าเร็วเกินไป แต่เรามองว่า มาตรการนี้อาจไม่ได้ผลในระยะสั้น ในช่วงที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ชัดเจน และนักลงทุนไทยยังยึดติดกับการลงทุนในประเทศ (home bias) อีกทั้งการส่งเสริมให้ไทยไปลงทุนในต่างประเทศ อาจต้องแลกกับโอกาสที่ไทยจะมีเม็ดเงินลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศต่อไปในระยะข้างหน้าเช่นกัน