“กสิกร” คาด กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย จับตาโครงการ “พักทรัพย์พักหนี้”

เอ็นพีแอล-แบงก์ชาติ-หนี้เสีย

“กสิกรไทย” คาด กนง. หั่นจีดีพี-คงดอกเบี้ยในการประชุม 24 มีนาคมนี้ จับตา ธปท. งัดโครงการ “พักทรัพย์พักหนี้” ดูแลลูกหนี้อย่างตรงจุดมากขึ้น

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ กนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดูแลผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในประเทศไทยเริ่มบรรเทาลง ขณะที่วัคซีนโควิด-19 ได้ทยอยเข้ามาตามแผนการจัดหาวัคซีนของไทย

ในขณะที่ ทางการคงติดตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังมีมาตรการทางการคลังที่ออกมาเพิ่มเติม เช่น โครงการคนละครึ่งเฟส 2 โครงการเราชนะ และโครงการมม33เรารักกัน ตลอดจนมาตรการทางการเงินที่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ การลดค่างวดผ่อนชำระ รวมถึงล่าสุดการปรับเกณฑ์ลดอัตราดอกเบี้ยผิดสัญญาเงินกู้-ผิดนัดชำระหนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังประเมินว่า ในการประชุม กนง. รอบนี้จะมีการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยรอบใหม่ โดยจากประมาณการครั้งล่าสุด กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัว 3.2% ซึ่งการประเมินดังกล่าวยังไม่ได้รวมผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในการประชุมที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ดี จากปัจจัยบวกที่มีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มเติม คาดว่ากนง. น่าจะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเพียงเล็กน้อย จึงเป็นการสนับสนุนการคาดการณ์การคงดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ไว้ที่ 0.5%

นอกจากนี้ คงจะต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่อาจออกมาเพิ่มเติม โดยธปท. มีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นการใช้มาตรการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดมากกว่าการใช้มาตรการทั่วไปอย่างการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยหนึ่งในมาตรการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและคาดว่าธปท. อาจนำออกมาใช้คือโครงการ “พักทรัพย์พักหนี้”

โดยหลักการคือให้ลูกหนี้ตีโอนทรัพย์เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่ให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มีสิทธิ์ซื้อคืนในราคาตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งมาตรการนี้คาดหวังว่าจะช่วยลดภาระการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงที่ธุรกิจยังไม่กลับมาสู่ระดับปกติได้ อีกทั้งจะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการ สามารถที่จะเช่าทรัพย์ที่ตีโอนให้สถาบันการเงิน กลับมาใช้ในการทำธุรกิจได้ ซึ่งจะช่วยพยุงการจ้างงาน

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามในรายละเอียดของมาตรการหลังมีความชัดเจนมากขึ้น