แบงก์ติดสปีด “โมบายแบงกิ้ง” รองรับผู้ใช้งาน-ธุรกรรม พุ่งก้าวกระโดด

โมบายแบงกิ้ง
PHOTO : FREEPIK

แบงก์ติดสปีดอัพเกรด “โมบายแบงกิ้ง” รับอานิสงส์โควิด-19 ระบาด ดันยอดผู้ใช้โต เปิดข้อมูลแบงก์ชาติถึงเดือน ม.ค. 64 ยอดบัญชีผู้ใช้ภาพรวมใกล้ 70 ล้านบัญชีแล้ว ขณะที่มูลค่าธุรกรรมทะลุ 30 ล้านล้านบาท “ไทยพาณิชย์” เผยธุรกรรมผ่านสาขาลดฮวบเหลือไม่ถึง 2% ขณะที่ “แบงก์กรุงเทพ” เร่งอัพฟีเจอร์ใหม่ทุกเดือน ตั้งเป้ายอดผู้ใช้ Bualuang mBanking สิ้นปีนี้ 13 ล้านราย ฟาก “กสิกรไทย” ชี้มาตรการรัฐ-โควิด ดันยอดใช้ QR code โตกระฉูด คาดสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้งาน K PLUS แตะ 17.5 ล้านราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับภาพรวมธุรกรรมการชำระเงินผ่าน mobile banking จนถึง ณ วันที่ 31 มี.ค. 2564 พบว่า ปี 2563 แนวโน้มธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2562 ทั้งในแง่จำนวนผู้ใช้บริการ ปริมาณธุรกรรม และมูลค่าการทำรายการ (ดูกราฟิก)

นายปวเรศ หวังดี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Digital Platforms ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะ mobile banking และยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งมีผู้ใช้บริการ mobile banking เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากตามพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (digital economy) ได้

โดยข้อมูลล่าสุด (ก.พ. 2564) ธนาคารมีลูกค้าผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น SCB EASY กว่า 12.4 ล้านราย มีธุรกรรมอยู่ที่ประมาณ 248 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ที่มีฐานลูกค้าผู้ใช้งาน 12.2 ล้านราย

“ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2563 มีธุรกรรมผ่าน SCB EASY กว่า 200 ล้านธุรกรรมต่อเดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท ส่งผลให้ธุรกรรมของแบงก์มากกว่า 80% มาจากช่องทางดิจิทัล ขณะที่สัดส่วนธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นที่สาขาเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ อยู่ที่ไม่ถึง 2% แล้ว ดังนั้น จะเห็นการเปลี่ยนผ่านของระบบธนาคารและบริการของธนาคารเข้าสู่ดิจิทัลแบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น โดยบริการทางออนไลน์จะกลายเป็นบริการหลัก”

นายปวเรศกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบหลังบ้านของ SCB EASY โดยจะยกเครื่องใหม่ ปรับปรุงให้ทันสมัยมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี cloud เพื่อช่วยให้สามารถขยายระบบเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมได้อย่างไม่จำกัด และปรับปรุงให้ลูกค้าทำธุรกรรมสำคัญได้ราบรื่นขึ้น

ทั้งการโอน เติม จ่าย ให้มีความเสถียรมากขึ้น ทั้งนี้ ระบบใหม่จะช่วยรายงานและตรวจสอบสถานะการทำงานในแต่ละขั้นตอนได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น

“สำหรับสาขาธนาคารนั้น จะยังคงมีความสำคัญอยู่ แต่บทบาทและรูปแบบการให้บริการจะเปลี่ยนไปพอสมควร โดยเราจะมีการปรับปรุง SCB Easy ทำธุรกรรมได้ราบรื่นขึ้น และจะมีการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ บริการ สร้าง engagement (ความผูกพัน) กับลูกค้าที่ครบบริบทมากขึ้น” นายปวเรศกล่าว

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มผู้ใช้งานแอป Bualuang mBanking อีก 3 ล้านราย เป็น 13 ล้านราย จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 10 ล้านราย โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาฟีเจอร์ให้สามารถครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการทุกกลุ่มลูกค้า ตลอดจนเพิ่มศักยภาพระบบในการรองรับการใช้งาน (capacity) ได้อย่างเพียงพอ

“ปีนี้สปีด (ความเร็ว) ในการพัฒนาฟีเจอร์จะเร็วขึ้น โดยเฉลี่ยทุกเดือนจะเห็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ออกมา อาทิ การเปิดบัญชีออนไลน์ การลงทุน และการโอนเงินข้ามประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบการชำระเงินผ่าน QR code payment เช่น ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และจะทยอยเชื่อมระบบกับประเทศอื่น ๆ สอดคล้องกับแผนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะไปในภูมิภาคนี้ด้วย” นางปรัศนีกล่าว

นางสาวศุภนีวรรณ จูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ธุรกรรมออนไลน์เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการซื้อสินค้าและบริการในรูปแบบ QR code เติบโตค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการใช้จ่ายผ่านการสแกน QR code ทำให้ประชาชนเกิดความคุ้นเคยมากขึ้น ทั้งในฝั่งรับและจ่าย

ประกอบกับจำนวนสาขาที่ลดลงของธนาคารพาณิชย์ในระบบ และการจำกัดการใช้บริการในช่วงที่มีโควิด-19 ทำให้ปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางสาขาลดลง และหันไปทำธุรกรรมบนช่องทางดิจิทัลมากขึ้น

“ธนาคารตั้งเป้าหมายจำนวนผู้ใช้งานแอป K PLUS ภายในสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 17.5 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 14.4 ล้านราย ขณะที่ปริมาณการทำธุรกรรมอยู่ที่ 14,518 ล้านรายการ โดยเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 24,600 ล้านรายการ ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีสัดส่วนการทำธุรกรรมผ่านช่องทาง K PLUS สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของตลาด คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ประมาณ 40% ของธุรกรรมทั้งระบบ” นางสาวศุภนีวรรณกล่าว