EXIM BANK ปล่อยกู้ 2.3 พันล้าน หนุนบริษัท SUPER สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม

EXIM BANK ปล่อยสินเชื่อ 2,300 ล้านบาท ให้กลุ่มบริษัท SUPER นำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ตามแนวทางการปรับบทบาทของแบงก์ สู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย

วันที่ 6 พ.ค. 2564 นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 73.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดยาไล ประเทศเวียดนาม ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายรักษ์ กล่าวว่า การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK ครั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขยายการลงทุนไปต่างประเทศได้มากขึ้น โดย EXIM BANK เป็นธนาคารของรัฐที่บุกเบิกการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนของนักลงทุนไทยในประเทศเวียดนาม

ขณะที่กลุ่ม SUPER เป็นนักลงทุนไทยที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน สอดรับกับความต้องการของภาครัฐและเอกชนในประเทศเวียดนาม ภายหลังรัฐบาลเวียดนามเปิดเสรีด้านพลังงานทดแทนตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ สนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

โดยกำหนดเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจาก 11% ในปี 2563 เป็นไม่น้อยกว่า 21% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของ EXIM BANK ที่มุ่งไปสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา สนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการรักษาสมดุลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้าน EXIM BANK กำลังเดินหน้าบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยเร่งซ่อม สร้าง และเสริมการพัฒนาประเทศไทยในมิติด้านการค้าและการลงทุน ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกอาเซียน EXIM BANK ในฐานะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐพร้อมช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการทุกระดับ พัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ และนำทัพธุรกิจไทยรุกตลาดโลกอย่างสมดุล เพื่อให้ทุกภาคส่วนเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายรักษ์กล่าว