ทองคำดิ่งหนักถึงรอบ “ขาลง” ปัจจัยลบเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ลดคิวอี

ทองคำ-Gold-ทองแท่ง

ฟันธงทองคำจบรอบ “ขาขึ้น” หลังราคาร่วงหนักจากการส่งสัญญาณ “ขึ้นดอกเบี้ย-ลดคิวอี” ของเฟด “นายกสมาคมค้าทองฯ” คาดระยะยาวทองเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” ส่วนระยะสั้นลุ้นแนวรับทางเทคนิคที่ 1,825 ดอลลาร์ ฟาก “บล.โกลเบล็ก” ประเมินราคาทองซึมยาวถึงประชุมเฟดเดือน ส.ค. ชี้ระยะข้างหน้าทองคำเผชิญแต่ปัจจัยลบ

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาก แต่ราคาทองในประเทศยังพอได้รับอานิสงส์จากเงินบาทที่อ่อนค่าช่วงนี้จึงไม่ลงแรงมาก

โดยแนวโน้มราคาทองระยะสั้นให้แนวรับทางเทคนิคที่ 1,825 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีโอกาสรีบาวนด์กลับขึ้นมาได้ ส่วนระยะยาวราคามีโอกาสปรับตัวลดลงไปได้อีก หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคลี่คลาย และคาดว่าราคามีโอกาสลดลงมากกว่าปรับขึ้น

“ราคาทองจากนี้คงไม่ใช่ขาขึ้นอีกแล้ว ระดับที่เป็นสถิติสูงสุด (นิวไฮ) เมื่อเดือน ส.ค. ปี 2563 คงไม่มีแล้ว โดยเฉพาะถ้าโควิดคลี่คลาย วัคซีนที่ฉีดแล้วได้ผล โอกาสที่ราคาทองจะลงมีมากกว่าขึ้นแน่นอน” นายจิตติกล่าว

นายกสมาคมค้าทองคำกล่าวว่า แม้ว่าทองคำช่วงนี้จะราคาลดลง แต่คงไม่เห็นเหตุการณ์ลักษณะที่คนออกมาต่อแถวรอซื้อขายทองกันจำนวนมากอีก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีค่อนข้างนาน

“คนที่ขายก็ขายไปเยอะแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนคนที่จะมาซื้อปริมาณมาก ๆ ก็มีน้อยลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี และยังคาดการณ์ไม่ได้ว่า โควิดจะจบเมื่อไหร่”

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำน่าจะจบรอบขาขึ้นแล้ว หลังจากทำสถิติขึ้นไปสูงสุดในปี 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากมองไประยะข้างหน้าค่อนข้างเต็มไปด้วยปัจจัยลบต่อราคาทอง มากกว่าจะมีปัจจัยบวก

โดยเฉพาะหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น หรือลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หลังจากการประชุมเมื่อวันที่ 16-17 มิ.ย.ที่ผ่านมา เฟดส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยคณะกรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันไป 2 แนวทาง คือกรรมการ 7 ราย เห็นควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566 ส่วนอีก 5 ราย เห็นว่าควรปรับขึ้นในปี 2567

“หลังจากนี้ราคาทองคำน่าจะตกอยู่ในภาวะซึม หรือทรงตัวจนกว่าจะมีการประชุมเฟดอีกครั้งในเดือน ส.ค. ซึ่งหากในเดือนดังกล่าวมีการปรับลดคิวอี ก็น่าจะเป็นแรงกระแทกที่สำคัญที่อาจจะทำให้ราคาทองร่วงลงแรงได้อีก ทั้งนี้ มองว่าทองน่าจะจบรอบขาขึ้นแล้ว จากก่อนหน้านี้เคยคิดว่าจะเด้งกลับขึ้นไปได้ที่ 1,920-1,950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่พอไม่ได้ แล้วมีข่าวแบบนี้ ราคาลงแรงแบบนี้ จึงคิดว่าน่าจะจบรอบแล้ว” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แนวโน้มระยะยาว การลงทุนในทองคำก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ราคามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น แต่ต้องลงทุนระยะยาว รอขาขึ้นรอบต่อไป

ขณะที่ข้อมูลจากกลุ่มฮั่วเซ่งเฮงเปิดเผยว่า gold spot ทางด้านเทคนิคเกิดสัญญาณขาย หลังจากหลุดแนวรับสำคัญ 1,840 ดอลลาร์ โดยในระยะสั้นราคาทองคำอาจฟื้นตัวทางด้านเทคนิค แต่ยังต้องระวังแรงเทขาย ทั้งนี้ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,765 ดอลลาร์ และแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,790 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากสมาคมค้าทองคำระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ราคาทอง gold spot เปิดตลาดปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,823.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลงเช่นกันที่ 350 บาท และระหว่างวันมีการปรับขึ้นลงถึง 7 ครั้ง ทำให้ตลอดทั้งวันราคาทองคำในประเทศตกลงถึง 550 บาทขณะที่เปิดตลาดในวันต่อมา (18 มิ.ย.) ราคา gold spot ลดลงมาอยู่ที่ 1,783.50 ดอลลาร์

จากราคาปิดตลาดวันก่อนหน้าอยู่ที่ 1,807 เหรียญ ส่งผลให้ราคาทองในประเทศปรับตัวลงอีก 350 บาท โดยราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 26,550 บาท และทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 27,050 บาท

ล่าสุดวานนี้(19 มิ.ย.64) ราคาทองปรับลดลงอีกบาทละ 300 บาท  โดยทองรูปพรรณขายออกบาทละ 26,900 บาททองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,300 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 26,400 บาท ตามประกาศครั้งล่าสุด

สำหรับทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่บาทละ 25,832.64 บาท ราคาขายออกบาทละ 26,900 บาท ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 1,765.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทอง-19มิ.ย.