ฟิลลิปแคปปิตอลดึงตัว “ลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม” ลูกสาว “ฮั่ว มิน ลิม” ประธานกรรมการของกรุ๊ป จากชิคาโก้ คุมฟิลลิปประกันชีวิตในไทย ประกาศกร้าว “ปีแรกเตรียมทุ่มเงินสร้างตัวแทนและรักษาตัวแทนให้อยู่กับบริษัทนานที่สุด” คาดภายใน 10 ปี ขนาดเบี้ยประกันขึ้นแท่น 1 ใน 5 ของธุกิจประกันชีวิตในไทย ดึงเทคโนโลยีเสริมทัพ
วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ PLA ประกาศแต่งตั้งนางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม บุตสาวของนายฮั่ว มิน ลิม ประธานกรรมการกลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ประจำประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้นางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม ดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท ฟิลลิปแคปปิตอล จำกัด สาขาชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประวัติการทำงานและบทบาทสำคัญในระดับองค์กรระหว่างประเทศมายาวนานกว่า 26 ปี ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ด้านการพัฒาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริการทางการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบ CQ (ระบบสนับสนุนงานหลังบ้านของกลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล) และออนไลน์แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญนำไปสู่การเจิญเติบโตก้าวหน้าขององค์กรจนถึงปัจจุบัน
นางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม กล่าวว่า การเข้ามาเป็นผู้นำของฟิลลิปประกันชีวิต ถือเป็นการก้าวสู่บทบาทใหม่ที่จะต่อยอดความสำเร็จขององค์กรแห่งนี้ที่มีประวัติมายาวนาน และพร้อมที่จะทำงานร่มกับบุคลากรทั้งทีมบริหาร พนักงาน และฝ่ายขายทุกคนเพื่อที่จะร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรแห่งนี้ไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) ด้วยความสะดวกเรียบง่ายเพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
โดยเราจะต้องเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการพร้อมไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการด้านการเงินด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยหม่ให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ของลูกค้าด้วยคุณภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน ในระยะยาวในทุกช่องทางการจำหน่าย ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางที่ปรึกษาทางการเงิน ช่องทางประกันภัยกลุ่ม ช่องทางออนไลน์ และช่องทางกับคู่ค้าทางธุรกิจ
จากประสบการณ์การทำงานในสหรัฐ เราเห็นอุปสรรคของธุรกิจประกันชีวิตและสถาบันการเงินต่าง ๆ คือมีการแข่งขันสูงมากและไม่หยุดนิ่ง โดย 10 ท็อปคอมปะนีชั้นนำระดับโลกมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่มาก และเขาโชว์แนวโน้มการเติบโตของเทรนด์ที่เราเห็นคือ
1.ความเป็นจริงเรื่องอัตราดอกเบี้ยลดลง แน่นอนดอกเบี้ยต่ำจะอยู่ไปอีกนาน ฉะนั้นธุรกิจประกันชีวิตต้องมีโปรดักต์มาสร้างนวัตกรรมใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยต่ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และแน่นอนว่าแบบประกันสะสมทรัพย์ในอนาคตขยายตลาดยาก
2.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แม้ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ แต่เทคโนโลยีจะยังคงอยู่กับพวกเราไปตลอด ฉะนั้นเราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ที่สุด ปัจจุบันแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือต่างๆ จะอยู่กับเรา ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขที่ต้องเดินไปกับธุรกิจ เพราะมีพลังอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันได้ ถ้าหากเราแข่งขันไม่ได้จะตายสถานเดียว
นางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม กล่าวต่อว่า ดิฉันเป็นคนลงมือทำมากกว่าพูด โดยสำหรับนโยบายนับจากนี้ทางฟิลลิปประกันชีวิตมี 5 เป้าหมายหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรคือ
1.มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ทั้งทางด้านบริหารจัดการ ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการ
2.เบี้ยประกันภัยรับรวมภายใน 10 ปี ต้องมีขนาดเบี้ยขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของธุกิจประกันชีวิตในไทย ขณะเดียวกันสามารถสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงความกระหายหรือความทะเยอทะยาน แต่เป็นการแข่งขันในธุรกิจ เพราะผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอด ซึ่งปัจจุบันธุรกิจของเราไม่มีหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวคงจะเติบโตแบบ Organic Growth ซึ่งภารกิจระยะสั้นจะเน้นสร้างตัวแทนและรักษาตัวแทนให้อยู่กับเรานานที่สุด ส่วนการทำ M&A เราก็พร้อมหากการทำธุรกิจได้ผลแบบ Win-win
“เราคำนึงถึงการควบคุมต้นทุนอย่างรอบคอบ ในขณะที่เราต้องหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีด้วย โดยส่วนผสมของโปรดักต์ต้องเปลี่ยนไปสู่สินค้าประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ซึ่งเรามีข้อได้เปรียบ เพราะฟิลลิปแคปปิตอลทำธุรกิจค้าขายหลักทรัพย์ เราเข้าใจว่าเวลาผู้ลงทุนต้องการอะไร ไม่ว่าจะอยากให้เงินเติบโตและสามารถปกป้องสินทรัพย์ของเขาได้ ปัจจุบันเราบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป เรามีไลเซนส์ที่ขายกองทุนรวมและโปรดักต์ลงทุนต่าง ๆ ด้วย”
3.เป็นผู้นำด้านเทคโนโลในธุกิจประกันชีวิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิต ประสิทธิภาพในการบริการและการได้มาซึ่งลูกค้าของเรา โดยยึดลูกค้าเป็น
ศูนย์กลาง Customer Centric
4.ต้องการพัฒนาโปรดักต์ทุกประเภท ซึ่งการทำสิ่งเหล่านี้ต้องดูความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญ โดยช่องทางตัวแทนที่เป็นช่องทางหลัก ยังมีช่องทางออนไลน์ ช่องทาง B2B รวมถึงช่องทางโบรกเกอร์ด้วย หรือที่เรียกว่าเป็น Multiple Channel Multiple Product
5.ลงทุนกับบุคคลากรขององค์กร สำหรับตัวแทนของฟิลลิปประกันชีวิต ปัจจุบันมีทั้งหมด 4,000 กว่าคน มีปรึกษาทางการเงิน(FA) กว่า 100 คน โดยเป้าหมายสิ้นปีนี้คาดว่าจะมี FA เพิ่มได้ประมาณ 250 คน และระยะยาวคาดว่า FA จะมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของตัวแทนทั้งหมด
พร้อมกับย้ำว่าขณะนี้ฟิลลิปประกันชีวิตยังไม่มีการเพิ่มทุน เนื่องจากสิ้นเดือน พ.ค. 64 อัตราส่วนระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) อยู่ที่ 159% สูงกว่าเกณฑ์สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทั้งนี้หากสถานการณ์แย่จนทำให้ระดับเงินกองทุนลดต่ำลง บริษัทมีเงินเพียงพอในการเพิ่มทุนตลอดเวลา
นางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม กล่าวต่อว่า เบื้องต้นในปีแรกที่เข้ามารับตำแหน่งสิ่งที่ต้องทำคือใช้เงินลงทุนสร้างบุคลากร รีครูตบุคลากร ต้องการคนที่มีประสิทธิภาพ สร้างแชมเปี้ยนโปรดักต์และเทคโนโลยี แต่คงตอบยากว่าจะใช้เม็ดเงินเท่าไร แต่เชื่อว่าจะใช้เงินอย่างมีคุณภาพที่สุด และคุ้มค่าที่จะใช้เงิน
อนึ่ง กลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล จากประเทศสิงคโปร์ ดำเนินธุรกิจทางการเงิน และการลงทุน ครบวงจรนานกว่า 45 ปี และบริการครอบคลุม 15 ประเทศทั่วโลก คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา กัมพูชา จีน ฝรั่งเศส ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้ขยายการลงทุนในประเทศไทย ด้วยการร่วมทุนกับบริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 1,700 ล้านบาท ส่งผลให้เป็นผู้ถือครองหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 98 และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2557 เป็นต้นไป