สบน.ยันไทยไม่เคยเบี้ยวจ่ายหนี้ ปีงบ’65 ตั้งงบฯชำระต้นเงินกู้ 1 แสนล้าน

แพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ยืนยัน ประเทศไทยไม่เคยเบี้ยวจ่ายหนี้ ตั้งงบฯปี 2565 ชำระเงินกู้ 1 แสนล้านบาท

วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความผ่าน Facebook ว่า “ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลายเนื่องจากผิดนัดชำระหนี้” นั้น ขอชี้แจงว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ และยังเป็นการบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้ ในแต่ละปีสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบฯชำระหนี้ให้กับกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระ โดยเมื่อได้รับงบชำระหนี้แล้ว สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้นำไปชำระหนี้โดยยึดหลัก “ครบถ้วน ถูกต้อง ตรงเวลา” อย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในแต่ละปี จะต้องได้รับการจัดสรรและชำระอย่างครบถ้วน ไม่สามารถลด ตัดทอน หรือโยกงบฯดังกล่าวไปใช้ในการอื่นได้ เพื่อไม่ให้ประเทศต้องเสียความน่าเชื่อถือจากการผิดนัดชำระหนี้

ภาพจาก มติชน

พร้อมกันนี้ ตั้งแต่ปี 2561 คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดให้สำนักงบประมาณต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระต้นเงินกู้ของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซึ่งรัฐบาลรับภาระ ในสัดส่วนร้อยละ 2.5-ร้อยละ 3.5 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และในปี 2563 ได้มีการขยายกรอบดังกล่าวเป็นร้อยละ 2.5-ร้อยละ 4.0 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

โดยในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้รับงบชำระคืนต้นเงินกู้ 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.2 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่คณะกรรมการกำหนดที่ร้อยละ 2.5 – 4.0 แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้คำนึงถึงการรักษาวินัยในการชำระหนี้ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของประเทศ ความมั่นคง และการมีเสถียรภาพทางการคลังเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ บริษัท Fitch Ratings (Fitch) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 Fitch ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

ภาพจาก Fitch Ratings

เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ดำเนินกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงหนี้สาธารณะภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มแข็ง ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สบน.ได้บริหารจัดการหนี้สาธารณะและการชำระหนี้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้