นักเศรษฐศาสตร์มองเศรษฐกิจปี’65 ฟื้นตัว 3.8% ลุ้นท่องเที่ยว-แรงหนุนภาครัฐ

seminar-นักเศรษฐศาสตร์

นักเศรษฐศาสตร์ ประเมินเศรษฐกิจปี 65 ขยายตัวระดับ 3.8% แม้ฟื้นตัวแต่ยังไม่ทั่วถึง ชี้ แรงหนุนภาคการท่องเที่ยว-การส่งออก ยันภาครัฐยังมีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะสร้างการจ้างงาน-หนุนคนมีเงินใช้จ่าย จับตาโควิด-ซัพพลายดิสรัปชั่นปัจจัยเสี่ยงทำเศรษฐกิจสะดุด

วันที่ 19 ธันวาคม 2564 ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2564 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ภายใต้หัวข้อ “ทางรอด 2022 Survival Guide” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2565 มองเป็นปีเสือหมอบที่พร้อมกระโจน โดยทิศทางเศรษฐกิจน่าจะสดใสขึ้น คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ในระดับ 3.8% จากปัจจัยการส่งออก กำลังซื้อที่ดีขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว จากปีนี้ที่จีดีพีขยายตัวได้ 1.1% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่จะต่ำสุดในอาเซียน

เลือกตั้งสหรัฐฯ-สงครามการค้าปัจจัยเสี่ยงปี 65

ดร.อมรเทพ จาวะลา
ดร.อมรเทพ จาวะลา

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เสือหมอบสะดุดได้ จะเป็นเรื่องความเสี่ยงทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการสร้างกระแสนิยม โดยต้องการให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีการเติบโตอันดับ 1 จีดีพีขยายตัว 4-5% แต่จะเห็นว่าจีนไล่ตามมาติดๆ ซึ่งจะมีผลต่อการต่อสู้ในเรื่องสงครามการค้า และสงครามเทคโนโลยี ซึ่งไทยเป็นประเทศเปิดขนาดเล็กจึงมีโอกาสได้รับผลกระทบแน่นอน

ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาท ประเมินว่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยจะอ่อนค่าที่สุดในช่วงกลางปีที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งภายหลังจากนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามา ทำให้มีรายได้เข้ามา และดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวก จะเห็นค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าในระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะต้องกลับมาดูนโยบายการเงิน และผู้ประกอบการควรติดตามใกล้ชิดเพื่อรองรับความผันผวนของค่าเงิน

“ไม่ว่าตัวเลขการเติบโตจะขยายตัวได้ 3.8-3.9% แต่การฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวไม่ทั่วถึง โดยภาครัฐยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักในการพยุงเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่มีการระบาดโควิด-19 ระลอก 1-2 ที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ กว่า 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ สิ่งที่ภาครัฐควรจะทำเพิ่มเติม คือ เรื่องการจ้างงานแลกเงิน หรือ Work Fair เนื่องจากปัจจุบันเกิดปัญหาคนมีไม่ใช้ คนใช้ไม่มี ภาครัฐจึงต้องทำให้คนมีเงินมาใช้จ่ายให้ได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”

ลุ้นเปิดประเทศ-นักท่องเที่ยวดันจีดีพีโต 3.9%

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ธนาคารคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจปี 2565 อยู่ที่ 3.9% ภายใต้ธีมการเปิดประเทศ ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ โดย 1.จะต้องไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่จนต้องกลับไปบังคับให้คนทำงานที่บ้าน และ 2.นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามา โดยคาดการณ์ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 5.8 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังต้องลุ้น เพราะมีการระบาดโควิดรอบใหม่จะมีผลต่อการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว

“ปี 63 เราเจอโควิดเศรษฐกิจเราติดลบไป 6% ปีนี้เราคาดว่าจะขยาย 0.9-1.0% และปีหน้าคาดโต 3.9% ซึ่งอย่าให้มีการระบาดรอบใหม่ และนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาบ้าง ซึ่งหากดูเศรษฐกิจรวม 2 ปียังไม่พอปีที่หายไปในช่วงโควิดเลย เราจึงมองว่าเศรษฐกิจจะกลับมาก่อนโควิดน่าจะเป็นปี 66 ซึ่งตัวขับเคลื่อนจะเป็นกิจกรรมภายในประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยว”

จับตานโยบายการเงิน “ส่วนต่างดอกเบี้ย-ค่าเงินผันผวน”

ดร.พิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะที่นโยบายการเงิน จะเห็นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเต็มที่จนเกิดปัญหาเงินเฟ้อแล้ว แต่ไทยยังไม่ทันฟื้น โดยเงินเฟ้อพุ่งสูงในรอบ 40 ปี ที่ระดับ 6.1% ซึ่งปัญหาปัจจุบัน คือ ฝั่งซัพพลายโตไม่ทันดีมานด์ ทั้งการขนส่ง ตลาดแรงงาน และการขาดแคลนชิป ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรถยนต์ที่การผลิตมากกว่า 40% อยู่ในประเทศมาเลเซียที่มีการติดโควิด-19 จนต้องปิดโรงงาน ทำให้เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบ

โดยหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดูแลอัตราเงินเฟ้อ และตลาดแรงงาน ซึ่งตลาดแรงเริามทยอกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินจำเป็นต้องแตะเบรก ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งไปสู่ระดับ 0.50-0.75% ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่าต้องดูเศรษฐกิจภายในประเทศ หากเศรษฐกิจโตไม่ดีจริงการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะลำบาก ดังนั้นจะเกิดความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทจะมีความผันผวนได้ ซึ่งผู้ประกอบการและนักธุรกิจจำเป็นต้องติดตาม

“ปี 63 เราเจอโควิดเศรษฐกิจเราติดลบไป 6% ปีนี้เราคาดว่าจะขยาย 0.9-1.0% และปีหน้าคาดโต 3.9% ซึ่งอย่าให้มีการระบาดรอบใหม่ และนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาบ้าง ซึ่งหากดูเศรษฐกิจรวม 2 ปียังไม่พอปีที่หายไปในช่วงโควิดเลย เราจึงมองว่าเศรษฐกิจจะกลับมาก่อนโควิดน่าจะเป็นปี 66 ซึ่งตัวขับเคลื่อนจะเป็นกิจกรรมภายในประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยว”

ธนาคารโลกแนะรัฐเร่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจในประเทศ

ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส
ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส

ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารโลก กล่าวว่า ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวที่ระดับ 3.9% จากปีนี้ขยายตัวได้ราว 1% โดยมองว่าภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ยังคงต้องการความช่วยเหลืออยู่ แต่การช่วยเหลือจะเป็นการโฟกัสกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ขณะเดียวกัน มองว่าแม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าแม้ว่าจะขยายตัวเร็วไม่เท่าคนอื่น แต่ควรใช้จังหวะเวลานี้หันกลับมาสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

“ปี 65 เรามองว่าอาจจะมีปัญหาที่ทำให้เราสะอึกหรือสะดุดได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาซัพพลายดิสรัปชั่น ตอนนี้ผู้ผลิตหลายคนอยู่ในสายผลิตเดียวกันหมด ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น เหมือนที่มีข่าวว่าไอโฟนรุ่นต่อไปจะออกช้า เพราะผู้ผลิตชิ้นส่วนบางโรงงานถูกปิดเพราะติดโควิด ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องติดตาม”