พรินซิเพิล ตั้งเป้าอัพไซซ์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 20% หลังพอร์ตใกล้แตะหมื่นล้าน

พรินซิเพิล

บลจ.พรินซิเพิล จำกัด วางเป้าหมายเพิ่มขนาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีก 20% ในปีนี้ ชูจุดเด่นนโยบายการลงทุนที่หลากหลายแก่สมาชิกและความเชี่ยวชาญด้านการออมเพื่อวัยเกษียณ หลังขยายพอร์ตเติบโตเข้าใกล้ระดับ 10,000 ล้านบาทและคว้ารางวัล Pooled Fund ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 

วันที่ 13 มกราคม 2565 นางปาจรีย์ บุณยัษฐิติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด  กล่าวว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พรินซิเพิล สมดุลตามอายุ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว (The Registered Provident Fund of Principal Target Date Retirement) ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2557 ถึงปัจจุบัน บลจ.พรินซิเพิล ได้รับการตอบรับที่ดีจากบริษัทนายจ้างเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีขนาดกองทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท มีจำนวนนายจ้างรวม 285 บริษัท รวมถึงสมาชิกทั้งหมด 31,977 ราย

โดยแผนการลงทุนแบบ Target Date ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สมาชิกที่มีปีเกษียณแตกต่างกัน ตั้งแต่สมาชิกที่เริ่มทำงานจนถึงวัยใกล้เกษียณ สมาชิกเลือกแผนการลงทุนตามปีที่ตนเองจะเกษียณอายุ จากนั้น ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่คัดเลือกสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ (asset class selection)  พร้อมจัดพอร์ตในระยะยาว (Strategic Asset Allocation) วางกลยุทธ์ในการปรับพอร์ตในระยะสั้นตามภาวะตลาด (Tactical Asset Allocation) และปรับสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนของสมาชิก ด้วยการทำ rebalancing และดูแลปรับพอร์ตให้กับสมาชิกให้เหมาะสมกับวัยที่เพิ่มขึ้นและการยอมรับความเสี่ยงที่ลดลงของสมาชิกตลอดทางจนสมาชิกเกษียณอายุ

นอกจากนี้ เรายังมีแผนการลงทุนสำหรับสมาชิกที่เกษียณอายุแล้ว แต่ไว้วางใจฝากเงินให้ดูแลเงินต่อให้ โดยจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับสมาชิกที่เกษียณอายุแล้วด้วย สร้างความพึงพอใจให้กับกรรมการกองทุนและสมาชิกเป็นอย่างมาก  ทั้งนี้ บลจ. พรินซิเพิล ถือเป็นบริษัทจัดการแห่งแรกในประเทศไทย ที่จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนโยบายสมดุลตามอายุ (Target Date Retirement Fund) โดยมี Track record ในการดำเนินมากกว่า 5 ปี

ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องนโยบายการลงทุนที่หลากหลายให้สมาชิกเลือกแบ่งเป็น Target Date 6 นโยบาย สำหรับสมาชิก 6 กลุ่ม ตามช่วงอายุและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมครอบคลุมตั้งแต่วัยเริ่มต้นทำงานจนถึงวัยเกษียณ โดยมีผู้จัดการกองทุนเลือกผสมสัดส่วนการลงทุน ทำหน้าที่ปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับช่วงอายุของสมาชิก เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ได้แก่ ตราสารหนี้ ตราสารทุนไทย ตราสารทุนต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์และทองคำ

“สมาชิกสามารถเลือกแผนการลงทุนตามปีเกษียณของตนเองเพียงครั้งแรกครั้งเดียว ไม่ต้องสับเปลี่ยนแผนการลงทุนเอง จากนั้นจะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลปรับสัดส่วนการลงทุนให้อัตโนมัติ และเมื่อสมาชิกเกษียณอายุแล้วยังมีแผนการลงทุนแบบ Target Date Post Retirement เพื่อรองรับอีกด้วย นอกจากนี้ สมาชิกที่มีความชำนาญด้านการจัดสัดส่วนการลงทุน ยังมีแผน Target Risk อีก 8 นโยบาย ให้สามารถเลือกผสมสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเอง” นางปาจรีย์กล่าว