หุ้นโลกดิ่ง เอฟเฟ็กต์หุ้นไทย แกว่งตัว 1,658-1,675 จุด

หุ้นลบ

บล.เอเซีย พลัสประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ แกว่งตัว 1,658-1,675 จุด ได้รับบรรยากาศเชิงลบจากตลาดหุ้นโลกดิ่ง เอฟเฟ็กต์ต่อหุ้นไทย-ติดเชื้อโควิดพุ่งกดดันหุ้นเปิดเมืองระยะสั้น เชื่อ SET Index ไม่ลงแรงหรือปรับฐานจาก 4 ปัจจัย

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index จะได้รับบรรยากาศเชิงลบจากตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปที่ปรับฐานลงแรงเมื่อวานนี้ (ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง 1.5-3.7% ส่วนยุโรปปรับลงราว 1.5%) อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยประเมินว่าแรงกดดันต่อ SET index คาดกระทบจำกัด โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,658-1,675 จุด โดยเหตุผลที่เชื่อว่าไม่ลงแรงหรือปรับฐานช่วงสั้น คือ

– การปรับลงตลาดหุ้นสหรัฐเนื่องจากปรับขึ้นมาก่อนหน้าหลายวัน และช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุนและนักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อรอติดตามคืนนี้รายงาน Nonfarm payrolls เดือน ม.ค. 65 ตลาดคาดจะเพิ่ม 1.78 แสนราย และอัตราการว่างงานสหรัฐ ตลาดคาดทรงตัวที่ระดับ 3.9%

– การปรับลงของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังลงมาไม่ถึง 1 ใน 3 ของที่ขึ้นมาอ้างอิง Dow jones ยกเว้นดัชนี Nasdaq ที่ปรับฐานแรง แต่เป็นเพราะเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาด นำโดย Meta platform หรือ Facebook หลังมีการรายงานงบฯไตรมาส 4/64 ต่ำคาด ผลจากผู้ใช้งานต่อวันต่ำคาด และความกังวลผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 จะชะลอต่อ

จากประเด็นเงินเฟ้อ และปัญหาซัพพลายเชนกระทบต่อเงินลงทุนของผู้ลงโฆษณา โดยรวมเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้น tech สหรัฐตัวอื่นๆ ลงตาม คาดเป็นบรรยากาศเชิงลบต่อกลุ่มที่คล้าย Tech ของไทย อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ KCE SMT SVI และกลุ่มค้าปลีก อาทิ COM7, SPVI, CPW

– ดัชนี Futures ของหุ้นสหรัฐเช้านี้ปรับขึ้นแรง อาทิ US tech 100 future + 261 จุด ณ เวลา 08.00 น.

– Dollar Index ยังอ่อนค่าติดต่อกันเป็นวันที่ 4 อยู่ที่ 95.3 จุด หนุนเงินบาทยังอยู่ทิศทางแข็งค่า ล่าสุดอยู่ที่ 33.1 บาท ดีต่อเงินทุนต่างชาติ (Fund flow) ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย อีกฝั่งหนึ่งดอลลาร์ที่อ่อนยังหนุนราคา Commodity โดยรวม ยังปรับขึ้นและทรงตัวสูง โดยเฉพาะน้ำมันดิบ โดย SET Index มีสัดส่วนในกลุ่มพลังงาน ถึง 20% ของมาร์เก็ตแคป

ขณะที่การระบาด COVID-19 กลับมาเพิ่มขึ้น อาจสร้างแรงกดดันหุ้นเปิดเมืองช่วงสั้น ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 65 พบผู้ติดเชื้อจากวิธี RT-PCR มีจำนวน 9,909 ราย (สูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง) และจำนวนผู้ติดเชื้อจากวิธี ATK มีจำนวน 4,973 ราย ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อรวมจากทั้ง 2 วิธีมีจำนวน 14,882 ราย

ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อรวมที่อยู่ในระดับเกือบ 1.5 หมื่นราย กลับไปใกล้เคียงกับประมาณกรณีฐาน (Base case) ของ ศบค. ในเดือน ก.พ. 65 ที่ 1.5–2 หมื่นราย

จากสถานการณ์การระบาดที่ดูมีแนวโน้มน่ากังวลมากขึ้น ส่งผลให้การผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจต่าง ๆ อาจถูกชะลอออกไปก่อนในระยะสั้นได้ โดยฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 11 ก.พ.65 ซึ่งแม้ในช่วงก่อนหน้า ทางโฆษก ศบค.จะส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายอีกบ้าง แต่จากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน ศบค.ให้ความเห็นว่า “การผ่อนคลายต่างๆ จะยังไม่มี โดยขณะที่ทุกอย่างยังอยู่ในการประเมิน และจะประเมินเป็นรายสัปดาห์”