เหรียญ KUB ซื้อขายสูงสุดบนเว็บเทรดไทย 19.39% แซงบิตคอยน์-อีเธอร์เรียม

สินทรัพย์ดิจิทัล

สำนักงาน ก.ล.ต.เผยข้อมูลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ (31 ม.ค.65) พบว่าตลาดสินทรัพย์ดิริทัลมูลค่าทั่วโลกอยู่ที่ 1.74 ล้านล้านดอลลาร์ ซื้อขายต่อวัน 64 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้พบว่าเหรียญคับ (kub) มีมูลค่าซื้อขายสุงสุดบนเว็บเทรดของไทยอยู่ที่ 19.39% แซงหน้าบิตคอยน์และอีเธอร์เรียม ด้านจำนวนบัญชีซื้อขายของบุคคลธรรมดาในประเทศลดลงเล็กน้อยจากเดือนธ.ค.อยู่ที่ 6.81 แสนบัญชี 

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยว่า  ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าตาม Market cap. หรือ มูลค่าตามราคาตลาด อยู่ที่ประมาณ 1.74 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน

โดยสินทรัพย์ดิจิทัลที่มี Market Cap. สูงสุดนำโดยบิตคอยน์ (Bitcoin) 41.19% ตามด้วยอีเธอร์เรียม (Ethereum) 18.08% และ ธีเทอร์ (Tether) , บีเอ็นบี (BNB) และ Cardano มี Market Cap. อยู่ที่ 4.47% , 3.61% และ 2.01% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 31 ม.ค.65)

ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่าผลตอบแทนถ่านหิน (Coal) สูงสุดในแอสเซทคลาส อยู่ที่ 27.94% ตามด้วยน้ำมัน (Oil) 14.50% และอลูมิเนียม (Aluminium) 7.53%

ขณะที่คริปโทเคอร์เรนซี อย่าง อีเธอร์เรียม ติดลบหนักสุดในแอสเซทคลาส 29.93% ตามด้วย XRP ติดลบ 26.55% รวมถึงเหรียญคับ และบิตคอยน์ ติดลบ 24.42% และ 16.84% ตามลำดับ นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ก็ติดลบลงมาอยู่ที่ 16.84% และทองคำติดลบ 0.96%

ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีบางช่วงที่ผลตอบแทนของ บิตคอยน์และอีเธอร์เรียม และดัชนีหุ้นไปในทิศทางเดียวกันดังนั้นการลงทุนใน เหรียญทั้ง 2 ประเภท จึงไม่ได้ช่วยกระจายความเสี่ยงได้เสมอไป และพบว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงขึ้น และมีมูลค่าซื้อขายสะสมแยกประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างกระจายตัว

โดยมูลค่าซื้อขายผ่านเว็บเทรด หรือ Exchange ของไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (31 ม.ค.65) พบว่า เหรียญคับ (kub) มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 19.39% ตามด้วยธีเทอร์ (Tether) 15.8% ขณะที่บิตคอยน์และอีเธอเรียม มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 12.08% และ 9.33% ตามลำดับ

จำนวนบัญชีซื้อขายที่ active ในแต่ละเดือนมีทิศทางสอดคล้องก็ราคาบิตคอยน์ ในขณะที่มีที่บัญชีซื่อขายทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้พบว่าจำนวนบัญชีซื้อขายที่ active ต่อเดือนมีไม่ถึงครึ่งเมื่อเปรียบเทียบเป็นจํานวนบัญชีซื้อขายทั้งหมด


ทั้งนี้พบว่ามูลค่าซื้อขายมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่มีมูลค่าซื้อขายรวมสูงสุด (ณ 31 ม.ค.65) โดยมีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 1.28 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากบุคคลธรรมดาในประเทศสูงถึง 8.8 หมื่นล้านบาท ตามด้วยบุคคลธรรมดาต่างประเทศ 2.8 หมื่นล้านบาท และนิติบุคคลต่างประเทศ 1.2 หมื่นล้านบาท รวมถึงมีจำนวนบัญชีซื้อขายของบุคคลธรรมดาในประเทศลดลงเล็กน้อยจากเดือนธ.ค.อยู่ที่ 6.81 แสนบัญชี

ด้านนิติบุคคลต่างประเทศเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อบัญชีสูงสุด ( ณ 31 ม.ค.65) อยู่ที่ 236.37 แสนล้านบาท ซึ่งในเดือนม.ค.บุคคลธรรมดาในประเทศมียอดซื้อสุทธิ 2.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่บุคคลธรรมดาต่างประเทศและนิติบุคคลต่างประเทศมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท