PTC ยอดจองล้น เตรียมลงสนามเทรด mai วันแรก 15 ก.พ.นี้

บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PTC  ปลื้มผลตอบรับจองซื้อ IPO ล้นหลาม สะท้อนพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง เดินหน้าขยายการลงทุนคลังน้ำมัน  พร้อมลงสนามเทรดในตลาด mai วันแรก 15 ก.พ.นี้  

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร โดยใช้ชื่อย่อหุ้น “PTC” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 4 – 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 110 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.50 บาท มีนักลงทุนจองซื้ออย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพและพื้นฐานธุรกิจพลังงานที่มีความแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

โดยภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทมีโครงการที่จะพัฒนาคลังน้ำมัน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดย PTC ได้ศึกษาเส้นทางการขนส่ง ต้นทุนการขนส่งแต่ละประเภท ความปลอดภัยในการขนส่ง ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันของลูกค้าเป็นอย่างดี โดยพิจารณาและคำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนและระดับความเสี่ยง ในการเลือกที่จะลงทุนสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังน้ำมันศรีสะเกษ

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งในด้านการลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันของลูกค้า เพิ่มช่องทางการขนส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้า จากปัจจุบันที่ให้บริการการรับน้ำมันทางรถบรรทุกเพียงทางเดียว ถือเป็นการรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งในส่วนที่เป็นโครงการสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟ บริเวณด้านหลังของคลังน้ำมันศรีสะเกษ และการสร้างจุดรับน้ำมัน ระบบท่อเพื่อลำเลียง รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการสูบรับน้ำมันจากจุดรับน้ำมันทางรถไฟเข้าถังเก็บน้ำมันของบริษัท

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าเพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, โรงไฟฟ้าขยะและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อกระจายฐานรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้  รวมถึงได้วางแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-จ่ายน้ำมัน โดยรองรับวิธีการโอนคลังที่หลากหลาย และเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่มารับน้ำมันจากคลังของบริษัท รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบพลังงาน เพื่อให้ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียม

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PTC ถือว่ามีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจคลังน้ำมันอย่างมาก เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านการประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและรถขนส่งน้ำมันมากว่า 20 ปี ส่งผลให้ผู้บริหารของ PTC มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยเป็นอย่างดี

ประกอบกับความโดดเด่นของพื้นที่ตั้งในการก่อสร้างคลังน้ำมันเพื่อเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันสู่สถานบริการและผู้ใช้งาน ซึ่งพื้นที่ให้บริการปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีแนวโน้มที่ปริมาณการใช้น้ำมันจะขยายตัวต่อเนื่อง จึงนับเป็นโอกาสของ PTC ที่จะสร้างการเติบโตได้อีกในอนาคต