เศรษฐกิจฟื้น ครึ่งปีหลังโต 5% จับตา กนง.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัว 5% คงประมาณการจีดีพีทั้งปีโตได้ 3.3% ประเมินท่องเที่ยวฟื้นตัว-กิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาปกติหนุนบริโภค จับตา กนง.ประชุมรอบเดือน มิ.ย. ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 3.3% โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัว 1.5% และครึ่งปีหลังมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 5%

โดยปัจจัยการเติบโตมาจาก 3 องค์ประกอบ คือ 1.การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะปรับดีขึ้น แม้ว่าธนาคารจะปรับลดจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวจาก 5-10 ล้านคน เหลือเพียง 4-5 ล้านคน เป็นตัวเลขที่ไม่ได้แย่ แต่เป็นการทยอยฟื้นตัว โดยดูจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าสนามบินสุวรรณภูมิพบว่าเพิ่มจาก 7,000 คน เป็นมากกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน

2.จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มองว่าตัวเลขหลังจากเดือน เม.ย.จะอยู่ในจุดสูงสุด (พีก) ซึ่งประชาชนจะคุ้นชินกับการอยู่ร่วมกับโควิด-19 และกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น ส่งผลบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

และ 3.จากกระแสข่าวการกู้เพิ่มของรัฐบาล เนื่องจากมองว่าปัญหาโควิด-19 ยังอยู่ และมาเจอปัญหาสงครามรัสเซียที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงติดตามดูใกล้ชิดว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากมีการกู้เพิ่มและมีมาตรการออกมาจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 3% มาอยู่ที่ 4.5%

“เรามองเศรษฐกิจไตรมาส 2 และหลังจากนี้จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นและชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งตัวเลขจีพีดี 3.3% เป็นการขยายตัวระดับกลาง ๆ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะเรายังมองต่างจากคนอื่นที่เศรษฐกิจวิ่งแบบเดิมไปได้เรื่อย ๆ ไม่ใช่วิ่งเร็วและมาสะดุด แต่สปีดจะเร็วขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

“ส่วนผลจากรัสเซียและยูเครนเห็นผลกระทบผ่านเงินเฟ้อ ซึ่งกระทบต่อการบริโภคได้ แต่เราก็มองว่าการบริโภคที่มีสัดส่วนใหญ่กว่า 50% ของจีดีพียังไม่ได้จะฟื้นตัวเร็ว ดังนั้น เศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับไปก่อนโควิดคงต้องใช้เวลา 2-3 ปี”

ดร.ทิมกล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน มิ.ย.นี้ จะเห็น กนง.ส่งสัญญาณปรับโทนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในไตรมาส 3 ของปี 2566 ราว 0.25% และในไตรมาส 4 อีก 0.25%