ด่วน ! พาณิชย์ปรับเป้าเงินเฟ้อ ปี 65 จาก 0.7-2.4% เป็น 4-5%

ภาวะเงินเฟ้อ
FILE PHOTO : Jack TAYLOR / AFP

สนค. เผยเงินเฟ้อมีนาคม 2565 เพิ่มขึ้น 5.73% สูงสุดในรอบ 13 ปี เหตุได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ค่าไฟ ราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดแนวโน้มสูงต่อ หลังผลกระทบจากสงคราม ก๊าซหุงต้ม น้ำมันขึ้น ล่าสุด ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2565 ใหม่เป็น 4-5%

วันที่ 5 เมษายน 2565 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนมีนาคม 2565 เท่ากับ 104.79 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.73% สูงสุดในรอบ 13 ปี นับจากปี 2551

และเพิ่มขึ้น 0.66% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค. 65) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.75% พร้อมกันนี้ สนค. ยังได้ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปี 2565 ใหม่เป็นอยู่ที่ 4-5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 0.7-2.4%

สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2565 สูงขึ้น มาจากสินค้าในกลุ่มพลังงานสูงขึ้น 32.43% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น 31.43% และค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 39.95% รวมถึงสินค้าประเภทอาหาร ได้แก่ ผักสด เพิ่ม 9.96% เนื้อสัตว์ (สุกร ไก่สด) เพิ่ม 5.74% ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 6.08% เครื่อง

ประกอบอาหาร เพิ่ม 8.16% อาหารบริโภคในบ้าน เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง ข้าวกล่อง ก๋วยเตี๋ยว เพิ่ม 6.28% และอาหารบริโภคนอกบ้าน เช่น ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง เพิ่ม 6.15% โดยปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ และยังมีสาเหตุจากฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ มีส่วนทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้น

ส่วนสินค้าที่ปรับราคาลดลง เช่น ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 4.15% ผลไม้สดบางชนิด เช่น ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง กล้วยหอม ลด 3.27% การบันเทิง การอ่านและการศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา ลด 0.89% และเครื่องนุ่งห่ม เช่น กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดสตรีและบุรุษ ลด 0.18%

คาดเมษาเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนเมษายน 2565 มีความเป็นไปได้ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น เพราะผลกระทบจากสถานการณ์สงครามเริ่มรุนแรงขึ้น และยังมีสงครามคู่ขนาน ที่หลายประเทศคว่ำบาตร รวมทั้งการปรับเพิ่มขึ้นของก๊าซหุงต้ม ที่ต้องจับตาดูว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก และต้นทุนสินค้าหลายรายการที่สูงขึ้น

นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มที่เงินเฟ้อสูงขึ้น สนค.ได้ปรับประมาณการเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปี 2565 ใหม่ จากเดิมอยู่ในกรอบ 0.7-2.4% ค่ากลางอยู่ที่ 1.5% ซึ่งเป็นการตั้งเป้าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ยังไม่มีภาวะสงคราม แต่จากปัจจัยดังกล่าว จึงปรับประมาณการใหม่อยู่ในกรอบ 4-5% ค่ากลางอยู่ที่ 4.5%

โดยมีสมมติฐานจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3.4-4.5% น้ำมันดิบดูไบ 90-110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

แต่ถ้าในระยะต่อไป สถานการณ์เปลี่ยนไปและดีขึ้น ก็จะมีการปรับคาดการณ์อีกครั้ง รวมไปถึง มาตรการของภาครัฐ การกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การพยุงราคาพลังงาน และการอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค รวมถึงสถานการณ์โควิด-19

ส่วนความกังวลที่จะเกิดสถานการณ์ เศรษฐกิจถดถอย (Stagflation) และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นนั้น ต้องดูภาวะเศรษฐกิจในประเทศประกอบด้วย เพราะหากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี จากการเปิดประเทศ การมีนักท่องเที่ยวเข้ามา และการส่งออกยังเติบโต รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน และเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มาจากต้นทุนที่สูงขึ้น กำลังซื้อยังเป็นปกติ ถือว่าไม่น่าห่วง แต่ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูง กำลังซื้อไม่มี เป็นอีกเรื่องที่จะต้องติดตาม

มีนา ค่าไฟ น้ำมัน ข้าวราดแกง หมู ไข่ไก่ แพงขึ้น ชัดเจน

สำหรับการติดตามราคาสินค้า เดือนมีนาคม 2565 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 280 รายการ เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) กับข้าวสำเร็จรูป เนื้อสุกร ไข่ไก่ อาหารเช้า น้ำมันพืช น้ำประปา เป็นต้น ราคาลดลง 91 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ส้มเขียวหวาน ขิง


ค่าธรรมเนียมการศึกษา ถั่วฝักยาว ค่าเช่าบ้าน กล้วยหอม และผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) และสินค้าไม่เปลี่ยนแปลง 59 รายการ เช่น ค่าใบอนุญาตขับขี่ ค่าเบี้ยประกันทรัพย์สิน ค่าเดินทางไปเยี่ยมญาติและทำบุญ ค่าเบี้ยประกันภัยรถ ค่าเบี้ยประกันคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พรบ.) ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี