คนละครึ่งเฟส 4 “อาคม” ย้ำใช้ถึง 30 เมษายนนี้เท่านั้น ไม่มีต่อ ส่วนเฟส 5 ขอประเมินสถานการณ์
โครงการคนละครึ่ง มาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ด้วยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ
ระบบจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยรัฐจะสนับสนุนเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะจากภาครัฐ เยียวยาประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 29 ล้านราย ในอัตราร้อยละ 50 โดยไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน
ความคืบหน้า “คนละครึ่ง เฟส 4” ข้อมูล ณ วันที่ 24 เมษายน 2565 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.27 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 61,048.94 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 31,085.69 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 29,963.24 ล้านบาท
ลุ้นเฟส 5 รับ 1,200 บาท ประชาชนจ่าย 75-25
ขณะที่แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ หากมีการจะยกเลิกมาตรการไปเลยอาจจะเป็นเรื่องยาก ขณะนี้คลังมีการศึกษาแนวทางที่จะปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน และช่วยให้เกิดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เป็นการปรับสูตรจาก “คนละครึ่ง” เป็นรัฐสนับสนุน 25% โดยประชาชนควักจ่าย 75% ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 5 มีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลอาจแจกเงินให้ประชาชน 1,200 บาทต่อคน เท่ากับคนละครึ่งเฟส 4 แต่จะให้ประชาชนดึงเงินออกมาจับจ่ายมากขึ้น จากเดิมคนละครึ่ง 1,200+1,200 บาท เท่ากับมีเงินเข้ามาในระบบ 2,400 บาท แต่สูตรใหม่ 1,200+3,600 บาท ก็ทำให้มีเงินเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นเท่าตัว
คนละครึ่งเฟส 4 ใช้ได้ถึง 30 เม.ย.
ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับสูตร คนละครึ่ง เฟส 5 โดยรัฐสนับสนุน 25% และประชาชนจ่ายเงิน 75% นั้น ยังไม่มีการหารือกันในเรื่องดังกล่าว
ส่วนจะมีการออกโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ต่อหรือไม่นั้น คงต้องติดตามสถานการณ์ จะต้องเรียนว่าในเรื่องงบประมาณ และเรื่องเงินกู้ มีข้อจำกัดมากขึ้น และยืนยันว่าโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะจบในวันที่ 30 เม.ย.นี้แน่นอน โดยยังไม่มีโครงการใดจะออกมาต่อทันทีในวันที่ 1 พ.ค. 2565 ซึ่งขอประเมินสถานการณ์และความจำเป็นก่อน
“อย่างที่เรียนว่าเวลานี้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ผู้คนอาจจะไม่ทั้งหมดที่กลับมาทำงาน แต่ก็กลับมาทำงานในโรงแรม ภัตตาคาร โรงงาน ซึ่งโรงงานต่าง ๆ ก็มีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมา บางบริษัทก็มีการจ่ายโบนัส ก็ถือว่ารายได้เริ่มกลับมา ฉะนั้นประชาชนส่วนหนึ่งที่มีรายได้ ซึ่งก็ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งนั้น ก็มีขีดความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้นตามกำลังที่มีอยู่ เราก็ต้องประเมินกันต่อไปว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือผู้ที่มีรายได้รายวันว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร ก็ขอดูตรงนี้”
ทั้งนี้ หมายความว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น จำเป็นที่จะเข้าไปดูแลเรื่องกระตุ้นอาจจะค่อย ๆ ลดลงไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดูแล ซึ่งอย่างที่เรียนว่ารัฐดูแลระดับการบริโภค โดยการบริโภคและการใช้จ่ายของประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากภาคการท่องเที่ยว ขณะนี้เริ่มที่จะเข้ามามากขึ้น
โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคนไทยเดินทางมากขึ้น ต่างชาติก็เพิ่มขึ้น และมาตรการที่ ศบค.ได้ผ่อนคลายจะทำให้มีรายได้มากขึ้น ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่จ้างงานในระบบการท่องเที่ยว
“เมื่อก่อนเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน แต่ขณะนี้ยังมีไม่ถึง ฉะนั้น โรงแรมยังไม่ได้กลับมาเต็ม การจ้างานแม้จะมีเพิ่มขึ้น แต่อาจจะยังไม่เต็ม 100% แต่บางโรงงานก็อาจจะเต็ม 100% อย่างไรก็ดี กำลังซื้ออาจจะยังไม่ได้เต็ม 100% เหมือนก่อนโควิด เรายังต้องมอนิเตอร์”