ท็อป บิทคับ มองวิกฤต “LUNA” ไม่กระทบตลาดคริปโต

ท็อป bitkub

“ท็อป-จิรายุส” มองวิกฤต LUNA-UST เขย่าขวัญนักลงทุน ไม่กระทบภาพรวมอุตสาหกรรมคริปโต เทียบเคียงกรณีหุ้น Game Stop ล่มไม่สะเทือนตลาดหุ้น ระบุตลาดเข้าสู่วัฎจักร 4 ปี “Crypto Winter” ย้ำ Stablecoin เสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัล

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้แสดงความเห็นกรณีการล่มสลายของ Terra LUNA สินทรัพย์ดิจิทัลระดับท็อปเทนของโลกใน “พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างบิทคับกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ว่า

ถ้าเทียบกับหุ้น ก็คือหุ้น game (stop) หรือกรณีวิกฤตต้มยำกุ้งที่มีคนอาศัยช่องว่างของระบบโจมตีค่าเงิน ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า หุ้นมีปัญหาแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีปัญหาตามไปด้วย

“ถามว่ามีผลกระทบต่อวงการโดยรวมไหม คงมีระยะสั้น เรียกว่า เป็น Noise เพราะคนที่ใช้ UST จริง ๆ มีน้อยมาก (UST เป็น StableCoin ที่สร้างจากเหรียญ LUNA โดยตรึงราคา 1 ดอลล่าร์สหรัฐเสมอ) มีแต่คู่ USDT และUSDC ที่นิยมใช้ทั่วโลก และอีกส่วนที่เห็นวงการซบเซาเป็นเพราะเข้าช่วงฤดูหนาวคริปโต ซึ่งเกิดทุก 4 ปี”

ซีอีโอ “บิทคับ” กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณจากปริมาณการซื้อขายก็ไม่ได้ลดลง และถ้ามองในระยะยาวในแง่ของโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เตรียมพร้อมวางโครงสร้างในสินทรัพย์ดิจิทัล

และช่วงนี้ถือเป็นโอกาสใหม่ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สร้างบริษัท Web3.0 ให้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโต (Growth Engine) ตัวถัดมาที่จะเปลี่ยนวงการการเงิน และอีกหลากหลายวงการที่จะมีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง ที่พร้อม Tokenize สินทรัพย์ต่าง ๆ และปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ ที่ทำไม่ได้ในอดีต

“ทุกคนจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า”

แต่สุดท้ายความรู้ความเข้าใจสำคัญที่สุด ถ้าเข้าใจอย่างถูกต้องจะไม่เกิดความกลัว เมื่อศึกษาจริง ๆ กรณี LUNA เป็นแค่หนึ่งในโปรโตคอลที่มีช่องว่างให้คนฉวยโอกาสโจมตี แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งอุตสาหกรรมเป็นแบบนี้

“สิ่งที่ไม่แข็งแรงก็ตายไป ผมไม่อยากให้คนเหมารวมทั้งหมดเพราะ LUNA มีผลน้อยมาก หากดู Market Cap ก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ LUNA ไม่ได้ต่างกันมาก เราเฝ้าจับตาดูทั้งการเคลื่อนไหวของบัญชีผู้ใช้งาน วอลุ่ม เหล่านี้ไม่ได้หายไปจากวงการ จริง ๆ เป็นการสร้างความตระหนกด้วยซ้ำไป เพื่อให้คนที่สนใจเข้ามาศึกษามากขึ้น ให้คนเก่ง ๆ อยากเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้มากขึ้น”

นายจิรายุสกล่าวถึง Stable Coin ด้วยว่าเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นในระบบที่ทำให้เกิดเศรษฐกิจคริปโต โดยทุกประเทศมีการเตรียม Tokenize สินทรัพย์ของตนเอง ซึ่งในภาพใหญ่ที่ชัดเจน คือ อะไรที่ Digitize ได้จะ Digitize อะไรที่ Tokenize ได้จะ Tokenize ให้สอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะใหญ่มาก

“Stable Coin คือ การ Tokenize เงินรัฐบาล เช่น เงินบาท เงินดอลล่าร์เพื่อใช้แลกเปลี่ยนกัน เราสามารถที่จะ Tokenize หุ้น ตราสารหนี้ ยูนิตของไฟฟ้า คาร์บอนเครดิต ทำได้หมด นี่คือระบบนิเวศทั้งหมด Stable Coin เป็นหนึ่งในระบบนิเวศเหล่านี้”

สำหรับ Stable Coin ในบ้านเรา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังศึกษาเรื่อง CBDC (Central Bank Digital Currency) น่าจะเป็นแบบ 2tier system คือ ไม่ได้เป็นผู้กระจายเหรียญ แต่เป็นผู้สร้าง โดยผู้กระจายคงเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าในอนาคตคงให้เอกชนหรือธนาคารพาณิชย์ทำ Stable Coin ที่มีสินทรัพย์ค้ำจริ งๆ กับ ธปท.

“ในส่วนนี้ เทคโนโลยีเราพร้อมตั้งนานแล้ว ทุกวันนี้บิทคับสามารถสร้าง Stable Coin ได้ทันทีบนเครือข่าย KUB Chain หรือ Ethereum Chain มันไม่ได้ติดที่เทคโนโลยี แต่ติดที่การกำกับดูแล ทีมบิทคับเป็นทีมที่เข้าไปเวิร์กช็อปร่วมกับ ธปท. เรื่องโครงสร้างทั้งหลายเมื่อปีที่แล้ว ก็หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย”