ผู้เอาประกันโควิด-19 “สินมั่นคง” ประกาศนัดรวมพลยื่นคัดค้านการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ที่ศาลล้มละลายกลาง วันจันทร์ 23 พ.ค. นี้
วันที่ 22 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า กรณีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด(มหาชน) หรือ SMK ที่ล่าสุดออกมาชี้แจงว่าบริษัทมีภาระจ่ายเคลมประกันโควิด-19 รวมทั้งสิ้นกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท และได้มีการจ่ายสินไหมไปแล้ว 11,875 ล้านบาท โดยนำเงินจากกำไรสะสมทั้งหมดมาจ่าย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ขณะที่ยังมียอดคงค้าง ของผู้ยื่นเคลมประกันอีกประมาณ 350,000 รายการ คิดเป็นค่าสินไหมประมาณ 30,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีปัญหาสภาพคล่องไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ เคลมให้กับผู้เอาประกันได้
โดยบริษัทสินมั่นคงฯได้ตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่17พฤษภาคม2565 และเมื่อ วันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลล้มละลายฯได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว พร้อมกับได้กำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 เพื่อที่ศาลฯจะพิจารณาว่าจะมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลังจากการที่ศาลล้มละลายฯได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ มีผลทำให้เกิด”สภาวะการพักชำระหนี้” (Automatic Stay) หมายความว่าบริษัท “สินมั่นคง” ในฐานะลูกหนี้จะได้รับความคุ้มครองหยุดพักชำระหนี้ โดยอัตโนมัติทันที จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทำให้กลุ่มเจ้าหนี้ผู้เอาประกันโควิด”เจอจ่ายจบ”ในเพจต่างๆ อาทิ เพจรวมตัวฟ้องสินมั่นคงหากยกเลิกประกันโควิด,
เพจเคลมประกันโควิค(สินมั่นคงประกันภัย) ฯลฯ ขณะนี้ได้มีการเชิญชวนรวมตัวกันไปยื่นคัดค้านการฟื้นฟูกิจการในวันจันทร์ 23 พ.ค. 2565 ที่ศาลล้มละลายกลาง ซึ่งตามกฎหมายเปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันในฐาน “เจ้าหนี้” มีสิทธิคัดค้านคำร้องขอฟื้นฟูกิจการได้
โดยผู้เอาประกันโควิด-19 จำนวนมากแสดงความคิดเห็นว่า บริษัทไม่มีความรับผิดชอบ และเกรงว่าถ้าเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จะทำให้ผู้ประกันตนโควิด ไม่ได้รับเงินค่าสินไหม หรืออาจจะทำให้จะต้องใช้เวลา 3ปี 5ปี ในการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟู และหลายคนมองว่าการฟื้นฟูจะเป็นประโยชน์กับลูกหนี้(สินมั่นคง) มากกว่า แต่เจ้าหนี้ผู้เอาประกันโควิด-19 จะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์