เปรียบเทียบ “พันธบัตร-หุ้นกู้” ขายเดือน มิ.ย ใครให้ดอกเบี้ยสูงกว่ากัน? 

หุ้นกู้

เปรียบเทียบ “พันธบัตรรัฐบาล-หุ้นกู้” เตรียมวางขายเดือน มิ.ย.นี้ ใครให้ดอกเบี้ยสูงกว่ากัน? 

วันที่ 4 มิถุนายน 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ตลาดการลงทุนทั่วโลกผัวผวน  นักลงทุนต่างกำลังมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มีการจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคืนตามกำหนด  อย่าง พันธบัตรรัฐบาล และ หุ้นกู้   “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ที่จะเตรียมออกในขายเดือน มิ.ย.นี้ พร้อมอัตราดอกเบี้ย ไปดูกันว่าใครจะให้ดอกเบี้ยที่น่าสนใจกว่ากัน

พันธบัตรรัฐบาล

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)  เตรียมวางจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์  2 รุ่นอายุ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท ได้แก่

1. พันธบัตรรุ่นออมเพิ่มสุข  วงเงิน 10,000 ล้านบาท 

เสนอขายให้ประชาชน จำนวน  2 รุ่น

  • รุ่นที่ 1 อายุ 5 ปี  อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 2.90 ต่อปี
  • รุ่นที่ 2 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 3.60 ต่อปี

โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป  ทั้งนี้ ลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท – 10 ล้านบาท จำหน่ายวันที่ 13 – 30 มิถุนายน 2565  บนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” 

2.รุ่นออมเพิ่มสุข วงเงินรวม 45,000 ล้านบาท 

เสนอขายให้ให้ประชาชน-นิติบุคคลไม่แสวงหากำไร โดยแบ่งการจำหน่ายเป็น 2 ช่วง ได้แก่

ช่วงที่ 1 วงเงิน 40,000 ล้านบาท ขายให้ประชาชนทั่วไป  จำนวน 2 รุ่น

  • รุ่นที่ 1 อายุ 5 ปี  อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย ร้อยละ 2.90 ต่อปี
  • รุ่นที่ 2 อายุ 10 ปี  อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 3.60 ต่อปี

โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซื้อได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท จำหน่ายวันที่ 15-19 มิถุนายน 2565 

ช่วงที่ 2 วงเงิน 5,000 ล้านบาท ขายให้ประชาชนในวงเงินคงเหลือจากช่วงที่ 1 ด้วยรุ่นอายุและเงื่อนไขเดียวกัน และจำหน่ายให้นิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จำนวน 1 รุ่น

  • รุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 3.30 ต่อปี

โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน แบบไม่จำกัดวงเงินการซื้อ  จำหน่ายวันที่ 20-30 มิถุนายน 2565 ผู้สนใจสามารถซื้อได้ผ่านช่องทาง Counter Internet Banking และ Mobile Banking ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

 

หุ้นกู้

ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 มีหลายบริษัทที่วางแผนระดมทุนเปิดขายหุ้นกู้ ดอกเบี้ยสูง

1. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC วงเงิน 4,000 ล้านบาท เสนอขายให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 3 รุ่น

  • รุ่นที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.45% ต่อปี
  • รุ่นที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี
  • รุ่นที่ 3 อายุ 4 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี

อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ “BBB+” จำหน่ายวันที่ 2, 6 และ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ขั้นต่ำ 100,000 บาทผ่าน ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

2.บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN  วงเงิน  320.60 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ จำนวน 1 รุ่น

อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.20% ต่อปี  

จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้  “BBB-” จำหน่ายวันที่ 6-8 มิถุนายน 2565  ผ่านทาง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

3. บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เสนอขายให้ประชาชนทั่วไป-สถาบัน   จำนวน 2 รุ่นประกอบด้วย

  • รุ่นที่ 1 อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี เสนอขายไม่เกิน 1,500 ล้านบาท
  • รุ่นที่ 2 อายุ 2 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.60% ต่อปี  เสนอขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท

จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable” จำหน่ายวันที่ 10, 13 – 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ผ่านธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส , บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง , บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)  และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที

4. บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE  วงเงิน 1,200 ล้านบาท จำนวน 1 รุ่น

  • อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี

จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่  “BBB” จำหน่ายวันที่ 13 -15 มิถนุายน  2565  ผ่านธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด

5. บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL วงเงิน  3,745 ล้านบาท ขายให้ประชาชน-สถาบัน    จำนวน 1 รุ่น

  • อายุ  5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี

จ่ายดอกเบี้ยดอกเบี้ยทุก 3 เดือน  จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้  “BBB+” จำหน่ายวันที่ 27 – 29 มิถุนายน  2565 ผ่านทางธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง,  บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน,  บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที,   บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย),   บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส และบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

สุดท้ายนี้ นักลงทุนควรเลือกการลงทุนให้เหมาะสมทั้งระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยที่จ่าย  และต้องแน่ใจว่าเงินก้อนจะเป็นเงินเย็นตลอดอายุสัญญา เพราะหากขายออกก่อนกำหนดอาจถูกกดราคาลงได้