EPG ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 12-15% ทุ่มงบฯลุยต่อยอดธุรกิจในออสเตรเลีย

ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์
ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์

บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) แถลงแผนธุรกิจบัญชีปี 2565/2566 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 12-15% เน้นการเติบโตจากธุรกิจหลักอย่างมั่นคง พร้อมลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท ซื้อกิจการเพิ่มเติมในออสเตรเลียสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย แต่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งจากราคาพลังงานและโภคภัณฑ์สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

สำหรับ EPG ซึ่งทำธุรกิจในตลาดโลก จึงนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อสร้างให้เกิดโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง EPG มีความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเป็นผู้เล่นในระดับโลก จึงนำกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ในปีบัญชี 65/66 (เม.ย. 65-มี.ค. 66)

มุ่งเน้นการดำเนินงานใน 4 ด้าน ดังนี้

1) สร้างการเติบโตแบบ Organic Growth จากธุรกิจหลักด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยี กำลังการผลิตทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมให้เกิดความต่อเนื่องของ New S-Curve รวมถึงการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

2) สร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth ด้วยการลงทุน M&A และ Joint Venture

3) เพิ่มงบฯลงทุนในธุรกิจวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต

4) ตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ “net zero” ภายในปี 2585

โดยในปีบัญชีนี้ EPG ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 12-15% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29-32% มาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

1) ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10-12%

2) ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่ง ยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23%

3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8%

นอกจากนี้ การดำเนินงานด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัท อีพีจี อินโนเวชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ไม่เพียงแต่สนับสนุนธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ ด้วยการสร้างสินค้านวัตกรรม New S-Curve แต่ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้านวัตกรรมสำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต

ดร.ภวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2565 วันที่ 7 มิ.ย. 65 มีมติอนุมัติให้ Aeroklas Australia Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ในประเทศออสเตรเลีย โดยการซื้อหุ้น 100% มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1,888.3 ล้านบาท 4 Way Suspension Products Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ในกลุ่มของ suspension products เช่น shock absorbers/coil springs/leaf springs และชุดตกแต่งสำหรับรถกระบะ ภายใต้แบรนด์ “Tough Dog”

โดยการซื้อกิจการครั้งนี้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า อีกทั้งแบรนด์ “Tough Dog” ที่มีชื่อเสียงที่ดีในด้านคุณภาพสินค้า และช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศออสเตรเลียและต่างประเทศ รวมถึงเกิด synergy ในการลดต้นทุน และเพิ่มรายได้กับธุรกิจในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน