แบงก์ประเมินกรอบค่าเงินบาทเคลื่อนไหว 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ จับตาการประชุมเฟด-บีโออี-การปรับนโยบายการเงินบีโอเจ หนุนเงินบาทอ่อนค่ามีโอกาสแตะ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
วันที่ 12 มิถุนายน 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 13-17 มิถุนายน 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งหากตัวเลขออกมาดี
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
ตลาดจะคาดการณ์ว่า เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งในเดือน ก.ค. และ ก.ย. จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% และหลังจากนั้นจะขึ้นครั้งละ 0.25% ซึ่งจะต้องรอดูว่าเฟดจะออกมามีมุมมองอย่างไรในการประชุมครั้งนี้ และในท้ายที่สุดภายในสิ้นปีดอกเบี้ยจะจบอยู่ที่เท่าใด
ขณะเดียวกัน ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่สิ่งที่ตลาดให้ความสนใจ จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจจะถดถอย (Recession) เกิดขึ้นหรือไม่ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งทำให้ค่าเงินปอนด์และยูโรอ่อนค่าได้
นอกจากนี้ ตลาดยังคงติดตามธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่จะมีการประชุม โดยตลาดจะรอดูว่าบีโอเจจะมีการปรับเปลี่ยนนะโยบายหรือไม่ เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนค่าค่อนข้างเยอะ และนักธุรกิจญี่ปุ่นเริ่มออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) และท้ายสุดจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของจีน ซึ่งคาดว่าไม่ได้ออกมาดีมาก เนื่องจากมีการล็อกดาวน์ประเทศไปประมาณครึ่งเดือน ซึ่งมีผลต่อตลาดหุ้นเอเชีย
“ตัวไฮไลท์คงเป็นการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นว่าจะมีมุมมองอย่างไร ซึ่งหากไม่ได้ส่งสัญญาณรุนแรงก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์ แต่ก็มีโอกาสที่เงินบาทจะขึ้นไปแตะระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ แต่คงไม่หลุดไปไกลกว่านี้”
สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นขายสุทธิ 5,900 ล้านบาท ตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิ 5,000 ล้านบาท โดยเป็นไปตามการส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเป็นแรงเทขายจากบอนด์ระยะสั้น เนื่องจากมีประมูลพันธบัตร
“ส่วนทิศทางสัปดาห์หน้ายังมองว่ามีแรงเทขายสุทธิอยู่โดยรวมประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท ซึ่งในตลาดหุ้นอาจจะนักลงทุนรอจังหวะย่อตัวและเข้าซื้อ รวมถึงดูสตอรี่จีนเรื่องการล็อกดาวน์”