กอบศักดิ์หวั่นเฟดใช้ยาแรงฉุดเศรษฐกิจถดถอย “คนตกงาน-ธุรกิจเจ๊ง” ทั่วโลก

FED-ธนาคารกลางสหรัฐ
REUTERS/Jonathan Ernst/File Photo

“ดร.กอบศักดิ์” ชี้ตลาดบอนด์สหรัฐป่วนหนัก-ยีลด์ระยะสั้นพุ่ง สะท้อนสัญญาณ “เศรษฐกิจถดถอย” ใน 12-24 เดือนข้างหน้า จับตาเฟดใช้ยาแรงแก้ปัญหา มองการประชุมรอบ 14-15 มิ.ย.นี้ อาจขึ้นดอกเบี้ย 0.50-0.75% หวั่นเอฟเฟ็กต์ยาแรงทำเศรษฐกิจถดถอย “คนตกงาน-ธุรกิจเจ๊ง” ทั่วโลก

วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก “Dr.KOB” (https://www.facebook.com/drkobsak) ระบุถึงสถานการณ์ตลาดพันธบัตรสหรัฐปั่นป่วนหนัก !!! โดยชี้ว่า ไม่ใช่ตลาดหุ้น ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้นที่ระเนระนาด ตลาดพันธบัตรก็ถูกกระทบหนักเช่นกัน

โดยในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 3 วัน ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 2 ปี เพิ่มขึ้น +0.58% สูงสุดในรอบ 14 ปี เป็น 3.354% รับกับดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐในอายุอื่น ๆ ที่พุ่งขึ้นเช่นกัน นำมาซึ่งความเสียหายกับผู้ที่ได้ลงทุนในกองพันธบัตรสหรัฐต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้น เช่น 2 ปี ได้เริ่มพุ่งไปอยู่ระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยระยะยาว 10 ปี 30 ปี ทำให้เริ่มเข้าสู่ภาวะ Inverted Yield Curve เป็นรอบที่ 2 ของปี

“สะท้อนสัญญาณว่าจะมี Recession ในอนาคต 12-24 เดือนข้างหน้า ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคิดว่าเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ต้องขึ้นดอกเบี้ยไปจัดการปัญหาระยะสั้น และนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ซบเซาหรือถดถอย (Recession) จนท้ายสุดเฟดต้องลงดอกเบี้ยมาในระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ออกมาว่า เงินเฟ้อที่คิดกันว่าผ่านจุดสูงสุดแล้ว ยังสามารถสูงขึ้นได้อีก Inflation is alive and well ดื้อยา กว่าที่คิด ซึ่งมีนัยต่อไปกับการประชุมของเฟดในคืนวันอังคารและคืนวันพุธว่ากรรมการจะตัดสินใจอย่างไร”

ดร.กอบศักดิ์ระบุอีกว่า ที่แน่ ๆ สูตรยาโดยรวมจะต้องแรงขึ้น โดยตลาดคิดว่าจะต้องเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 0.50% (ดอกเบี้ย) จากแนวทางเดิมที่ท่านประธานเฟดเคยประกาศไว้เมื่อการประชุมครั้งที่แล้ว เพียงแค่ว่าจะเป็นแบบทำเลย หรือ Front Load คือ ขึ้น +0.75% ในรอบนี้เลย หรือค่อยเป็นค่อยไป คือ ยังขึ้น +0.5% ในรอบนี้ และประกาศว่าจะขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีไปอีก 3-4 ครั้ง ปรับเพิ่มจากแนวทางเดิมที่เหลืออยู่อีก 1-2 ครั้งเท่านั้น

ซึ่งการประชุมเฟดที่จะถึงนี้ จะมีเรื่องให้เราติดตาม 4 เรื่อง คือ 1. การตัดสินใจครั้งนี้ ว่าขึ้นเท่าไร 2. Dot Plot ว่าจะไปจบที่ตรงไหน จะไปทะลุ 4% หรือไม่ 3. ประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุด โดยเฉพาะแนวโน้มเงินเฟ้อ ว่าต่างจากเดิมแค่ไหน เศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาลงแค่ไหน จะเข้าใกล้หรือเป็น Recession หรือไม่ 4. ที่สำคัญสุด คือ การแถลงและตอบคำถามของท่านประธานเฟด ที่แสนจะเดายากว่าท่านจะหลุดปากอะไร และเมื่อท่านพูดแล้ว ตลาดจะเหวี่ยงไปทางไหน

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ทุกคนอยากรู้ว่าท่านประธานเฟดจะพูดอะไรเพิ่ม นอกจากแผ่นเสียงที่ตกร่องว่า “Inflation is much too high” เงินเฟ้อสูงเกินไป, “Restoring price stability is essential” การดูแลให้ราคากลับมามีเสถียรภาพเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง, “เฟดพร้อมทำทุกอย่างที่จะสู้ไม่ให้เงินเฟ้อฝังรากลึก”, “เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยไปจนเงินเฟ้อลดลงมา” แต่ที่แน่ ๆ คำถามของนักข่าวและสังคมต่อท่านประธานเฟด จะเริ่มร้อนแรงขึ้นจากนี้ต่อไป เพราะท่านคือแม่ทัพที่บัญชาการศึกสู้เงินเฟ้อแต่กำลังเอาเงินเฟ้อไม่อยู่

“สุดท้ายอาจจะต้องจำใจงัดยาแรง ใช้ขีปนาวุธสุดท้ายก็คือ ทำให้เกิด Recession เพื่อให้เงินเฟ้อลงมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า คนนับสิบล้านที่จะต้องตกงาน สูญเสียบ้าน มีปัญหาครอบครัว บริษัทหลายแสนแห่งที่จะต้องปิดกิจการ ไม่นับ Emerging markets อีกหลายประเทศที่จะเกิดวิกฤต กระทบคนไปอีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ทั้งหมดมาจาก “เฟดที่พลาดแล้วพลาดอีก” จนนำไปสู่ความเสียหายดังกล่าว มาลุ้นกันครับว่าอีก 2 คืน เฟดจะตัดสินใจอย่างไร ตลาดจะเหวี่ยงแค่ไหน ทั้งหุ้น พันธบัตร ค่าเงินประเทศต่าง ๆ เพราะโค้งนี้คือโค้งสำคัญ ที่เดิมพันคือความเป็นอยู่ของทุกคน” ดร.กอบศักดิ์ระบุ

ADVERTISMENT