บลจ.กสิกรไทย แนะกระจายพอร์ตลงทุนหลายสินทรัพย์ ฝ่าวิกฤตเงินเฟ้อโลกพุ่ง

การลงทุน ก.ล.ต.
แฟ้มภาพ

บลจ.กสิกรไทย ชี้นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อโลกพุ่งกระทบเศรษฐกิจ เชื่อยังมีโอกาสทยอยลงทุน แนะกระจายพอร์ตในหลากหลายสินทรัพย์ เสริมด้วยกองทุนหุ้นต่างประเทศ-สินทรัพย์ทางเลือก ด้านตราสารหนี้ยังผันผวน แนะพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 40 ปี ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยมีการรวบรวมข้อมูลมา ซึ่งภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 0.5% ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกได้

อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงเชื่อว่าภายใต้ความผันผวนยังคงมีโอกาสสำหรับการเข้าลงทุนได้ โดยใช้หลักกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์และเลือกลงทุนในภูมิภาค/ประเทศที่มีการเติบโตสูงจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19

นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) กล่าวเสริมว่า จากรายงานเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและทองคำ เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรง ส่วนตราสารหนี้และน้ำมันปรับตัวขึ้นมาในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ในระยะยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกองทุนหุ้น มากกว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง กองทุนน้ำมัน และกองทุนทองคำ ในสัดส่วนไม่เกิน 5-10% ของพอร์ต

ด้านนายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield Curve) ปรับตัวขึ้นทุกประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน และอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นมากจากหลายปัจจัย สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทย แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% แต่ Yield Curve ได้ปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75-2.00% ไปแล้ว

ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวตามค่าเงินในภูมิภาค กระแสเงินไหลเวียนของผู้ลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) สุทธิแล้วเป็นเงินไหลเข้าเล็กน้อย แม้ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมจะยังคงดีอยู่ และ Yield Curve ได้สะท้อนภาพการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ในช่วงเวลานี้ตลาดจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้โดยเลือกพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และหากรับความผันผวนของราคาได้ก็สามารถทยอยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางได้