โอสถสภา หรือ OSP เผยแบงก์ชาติเมียนมาออกคำสั่งห้ามบริษัทเอกชนและประชาชนจ่ายหนี้ต่างประเทศ ไม่กระทบต่อธุรกิจในเมียนมา ชี้การลงทุนในเมียนมาเป็นการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าเจรจาแบงก์เกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระหนี้ต่อไป
วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอสถสภา หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศคำสั่งไปยังภาคเอกชนให้ระงับชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศนั้น
มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ “โอสถสภา” ในเมียนมา โดยบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ อีกทั้งการลงทุนในเมียนมา เป็นการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทยเเละสถาบันการเงินในประเทศเมียนมา
ทั้งนี้ การชำระหนี้จะมีการเจรจากันภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างบริษัท และสถาบันการเงินต่อไป
“ถึงแม้ว่าจะสถานการณ์ทางการเงินจะมีความผันผวนด้านค่าเงินหรืออัตราการแลกเปลี่ยน แต่ธุรกิจของบริษัทยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันนี้การซื้อขายในเมียนมาสามารถทำได้ในหลายสกุลเงินมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป”
โดยโอสถสภาได้ตัดสินใจขยายธุรกิจลงทุนเปิดโรงงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาในปี 2563 หลังได้ริเริ่มทำการค้ากับเมียนมาเป็นเวลากว่า 25 ปี เและได้เริ่มศึกษาวางแผนธุรกิจเป็นเวลานานนับสิบปีก่อนตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงาน
ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้นำเครื่องดื่มให้พลังงานอันดับหนึ่งในประเทศเมียนมาภายใต้แบรนด์ชาร์ค ที่ครองใจผู้บริโภคมากว่า 25 ปี และแบรนด์ เอ็ม-150 ด้วยเครือข่ายพันธมิตรและลูกค้าที่แข็งแกร่ง ทำให้ผลิตภัณฑ์ ชาร์ค และเอ็ม-150 เข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ “โอสถสภา” สามารถครองใจลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน