AWC ตั้งบริษัทร่วมทุนหมื่นล้าน ลงทุนธุรกิจโรงแรมแหล่งท่องเที่ยวของไทย

AWC จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์” ทุนจดทะเบียนขั้นต้น 1 ล้านบาท ถือหุ้น 51% ปักหมุดลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย แย้มมีแผนเพิ่มทุนเป็นกว่า 1 หมื่นล้านบาท

วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) ว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2565 และ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด (AWC Hospitality Development Co., Ltd.)

โดยบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียขั้นต้น 1 ล้านบาท ซึ่งมีแผนเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,800 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงสร้างการถือหุ้นจะเป็น AWC ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 51 ขณะที่อีกร้อยละ 49 จะเป็นบริษัทผู้ร่วมทุน ซึ่งบริษัทร่วมทุนจะประกอบไปด้วยกรรรมการไม่น้อยกว่า 4 คน แต่ไม่เกิน 10 คน โดยจำนวนผู้ถือหุ้นแต่ละฝ่ายมีสิทธิในการแต่งตั้งกรรมการในสัดส่วนเท่ากัน และสัดส่วนของกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากแต่ละฝ่ายจะอยู่ในสัดส่วนที่เท่ากันเสมอ

ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย

โดยบริษัทจะนำจุดแข็งในฐานะกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์พร้อมเครือข่ายพันธมิตรแบรนด์โรงแรมระดับโลก และความสามารถในการบริหารจัดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพมาขับเคลื่อนการลงทุนร่วมกันครั้งนี้ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้แข็งแกร่งและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน

การร่วมลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสถาบันการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารการลงทุน ซึ่งความร่วมมือนี้ป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมและสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท

โดยบริษัทจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินและค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงานของโครงการ (Incentive Fee) ซึ่งได้ตั้งเป้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพบนทำเลระดับไพรมโลเกชั่นของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย มีมูลค่าเงินลงทุนรวมสูงสุดประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 16,500 ล้านบาท โดยบริษัทจะเข้าร่วมลงทุนประมาณร้อยละ 15-60 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด และส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะเป็นการร่วมลงทุนจากผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ