หมอประสิทธิ์ ยันวัคซีนโควิดปลอดภัย แนะรีบพาเด็กเล็กฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

หมอประสิทธิ์ ชี้การ์ดไม่ตก ผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ลดแน่หลัง ต.ค.

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ยืนยันวัคซีนโควิด-19 ปลอดภัย แนะนำผู้ปกครองควรรีบพาบุตรหลานไปฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพราะขณะนี้ยังมีเด็กเล็กเสียชีวิตจากโควิด

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 ข่าวสด รายงานว่า จากกรณีที่พ่อแม่ผู้ปกครองยังกังวลการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี นั้น ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า วัคซีนแต่ละตัวต้องผ่านการศึกษาวิจัยและทดลองมาอย่างดีหลายขั้นตอนก่อนจะอนุมัติให้มีการฉีด

วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กเล็กก็ผ่าน อย.สหรัฐ และเริ่มให้ฉีดในกลุ่มเด็กเล็กซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดกันง่ายมาก ยิ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ (MIS-C) แล้วติดเชื้อโควิด จะเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น

แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์โควิดจะดูเหมือนสงบลงบ้างแล้ว แต่ก็มีโอกาสก่อตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา ฉะนั้นหากมีความมั่นใจกับวัคซีน จึงแนะนำให้พาลูกหลานไปฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และกลุ่มที่เสียชีวิตขณะนี้มีเด็กเล็กด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่าเรายังต้องอยู่กับโควิดอีกนาน

“ยืนยันวัคซีนมีความปลอดภัย ขณะนี้มีการใช้จำนวนมากในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิดชนิดโปรตีนซับยูนิตเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยมาก ประเทศไทยมีการนำเข้ามา และกำลังศึกษาในเด็ก รอ อย.พิจารณา ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และจริง ๆ ในจีนมีการนำเชื้อตายฉีดในเด็กเช่นกัน

เหมือนตอนวัคซีนเข้ามาใหม่ ๆ มีคนมาปรึกษาว่า คุณพ่อคุณแม่อายุ 90 ปีเป็นโรคหัวใจควรฉีดไหม ทั้งที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรีบฉีด แต่คิดตรงข้ามว่าอายุเยอะแล้วฉีดวัคซีนจะเสี่ยง ทั้งที่ความจริงต้องรีบฉีดเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงกับไวรัส พอฉีดเสร็จก็ปลอดภัย บางทีเราไปกังวลหรือกลัวกับคนที่ฉีดไปเพียงรายเดียวที่เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากที่ฉีดเป็นหมื่น ๆ รายแล้วไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่บางคนมองว่าผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนมากจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว จึงไม่ต้องให้เด็กฉีดนั้น ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เชื้อโควิดมีการกลายพันธุ์ตลอด แต่ละครั้งที่กลายพันธุ์จะพบว่า ประสิทธิภาพวัคซีนลดลง ดังนั้นที่บอกว่าผู้ใหญ่ฉีดกันเยอะแล้ว ก็ยังเป็นห่วงว่าในอีก 5-6 ปีข้างหน้าโคโรนาไวรัสอาจจะกลับมาอีก

เพราะโคโรนาไวรัสเคยโจมตีเรามาแล้วตั้งแต่เกิดโรคซาร์สปี 2002 ต่อด้วยเมอร์ส 2012 จนมาโควิด เชื้อกลายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ หากคนทั้งโลกภูมิคุ้มกันลดลง เชื้อกลายพันธุ์จนถึงจุดที่รุนแรงก็จะกลับมาระบาดได้

ขณะที่สิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แล้วหลายกังวลว่าจะส่งผลถึงไทย ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ที่สิงคโปร์เป็นการระบาดที่เรียกว่าสโลว์เบิร์น (slow burn) จะปะทุขึ้นและค่อย ๆ ลดลง โดยเกิดขึ้นในประเทศนั้น ๆ แล้วก็หยุดลง ไม่ได้เป็นการแพร่ระบาดไปทั้งโลก จึงไม่ค่อยน่ากังวล สโลว์เบิร์นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามที่เราคาดการณ์