โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 บังคับใช้แล้ว พร้อมบัญชีเงินเดือนใหม่

พระบรมราชโองการ-แต่งตั้ง

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจเป็นไปตามระบบคุณธรรม และให้ข้าราชการตำรวจประพฤติปฏิบัติตนเหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ของตำรวจ และอยู่ในจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ ระบุข้าราชการตำรวจใหม่มีทั้งยศและไม่มียศ พร้อมบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ฉบับใหม่ มีใจความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจเป็นไปตามระบบคุณธรรม มีมาตรการป้องกันมิให้ผู้ใดใช้อำนาจหรือกระทำการโดยมิชอบ และให้ข้าราชการตำรวจประพฤติปฏิบัติตนเหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ของตำรวจ และอยู่ในจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ และเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปฏิรูปประเทศตามมาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565″
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป) โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

สำหรับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มีทั้งหมด 181 มาตรา มีลักษณะและหมวดที่สำคัญ ๆ เช่น บททั่วไป โดยมาตรา 8 ข้าราชการตำรวจ มี 2 ประเภท ได้แก่ (1) ข้าราชการตำรวจที่มียศ ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 62 และ (2) ข้าราชการตำรวจที่ไม่มียศ ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งในกลุ่มสายงานตามมาตรา 61 (2) คือกลุ่มสายงานอำนวยการและสนับสนุน และ (5) กลุ่มสายงานวิชาชีพเฉพาะ ตามที่ ก.ตร. กำหนด

มาตรา 62 ตำแหน่งข้าราชการตำรวจประเภทที่มียศมีดังต่อไปนี้
(1) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(2) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและจเรตำรวจแห่งชาติ
(3) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองจเรตำรวจแห่งชาติ
(4) ผู้บัญชาการและจเรตำรวจ
(5) รองผู้บัญชาการและรองจเรตำรวจ
(6) ผู้บังคับการ
(7) รองผู้บังคับการ
(8) ผู้กำกับการ
(9) รองผู้กำกับการและสารวัตรใหญ่
(10) สารวัตร
(11) รองสารวัตร
(12) ผู้บังคับหมู่
(13) รองผู้บังคับหมู่
ก.ตร. จะกำหนดให้มีตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นโดยจะให้มีชื่อตำแหน่งใดเทียบกับตำแหน่งตามวรรคหนึ่งก็ได้ โดยให้กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.

นอกจากนี้ยังมีการจัดระเบียบราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ยศตำรวจและชั้นข้าราชการตำรวจ ระเบียบข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งและการกำหนดตำแหน่ง การบรรจุ การแต่งตั้ง และการเลื่อนขั้นเงินเดือน เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มอื่น อัตราเงินประจำตำแหน่งและการรับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ ให้เป็นไปตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ การออกจากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ การคุ้มครองระบบคุณธรรม เป็นต้น

สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมให้เกิดผลในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับหน้าที่ อำนาจ และภารกิจของตำรวจให้เหมาะสมและแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เกิดประสิทธิภาพ

รวมทั้งมีหลักประกันว่าข้าราชการตำรวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้าย และการพิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกันเพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใดมีประสิทธิภาพและภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ

นอกจากนี้ยังมีการโอนย้ายภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นภารกิจหลักและบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เกิดประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มสายงานต่าง ๆ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจในแต่ละกลุ่มสายงานสามารถเจริญเติบโตตามกลุ่มสายงานด้วยความรู้ความชำนาญในสายงานของตน การกำหนดกระบวนการในการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งไว้ให้ชัดเจนโดยคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจในบริการที่ประชาชนได้รับ

พร้อมทั้งให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์เรื่องร้องทุกข์ รวมทั้งการกำหนดระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งของข้าราชการตำรวจในการปลดเปลื้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจที่เกิดจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งให้มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อเป็นกลไกสำหรับประชาชนในการร้องเรียนการปฏิบัติที่ไม่ชอบของข้าราชการตำรวจอันเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ของประชาชนที่เกิดจากการกระทำของตำรวจ

ตลอดจนให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ โดยการให้เงินอุดหนุนแก่สถานีตำรวจเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสถานีตำรวจนั้น และจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวนสอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทาความผิดทางอาญา เพื่อเป็นแหล่งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

อ่านประกาศฉบับเต็มที่นี่

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/A/064/T_0001.PDF

-บัญชีเงินเดือนพ.ร.บ.ตำรวจใหม่

อัตราเงินประจำตำแหน่ง-พ.ร.บ.ตำรวจใหม่