“บิ๊กเต่า” ยัน 9 ความผิด “เจ้าสัวเปรมชัย” คดีล่าเสือดำ พยาน-หลักฐานแน่นหนา !

วันที่ 20 ก.พ. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด มหาชน พร้อมพวกที่เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ว่า คิดว่าการดำเนินคดี 9 ฐานความผิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปแล้วนั้น มีพยานหลักฐานที่แน่นหนามาก ส่วนคดีอื่นที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมนั้นก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนต่อไป ส่วนเรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าทั้งในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย และ สนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เป็นเรื่องที่กรมป่าและกรมอุทยานฯกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ

เมื่อถามว่าพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มีจุดอ่อนที่ทำให้เกิดการบุกรุกจากนายทุนได้ง่ายหรือไม่ และจะต้องมีการปรับแก้กฎหมายต่อไปหรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ขนาดในพื้นที่อุทยานฯ ที่เป็นป่าอนุรักษ์มีกฎหมายที่เข้มข้น ยังมีการบุกรุกป่าอย่างมาก แต่ในช่วงที่ คสช.เข้ามาก็สามารถหยุดยั้งการบุกรุกได้ โดยวันนี้ 2,700 ชุมชน พื้นที่ 5.9 ล้านไร่ ที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์โดยไม่มีกฎหมายรองรับ โดยขณะนี้กำลังรอกฎหมายผ่านการพิจารณาของ สนช. เพื่อให้อำนาจอธิบดีกรมอุทยานฯ ในการอนุญาตให้อยู่ในป่าได้อย่างมีเงื่อนไขและต้องเพิ่มพื้นที่ป่า ส่วนการปรับปรุงกฎหมายในอนาคตคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแผนปฏิรูปในระยะเวลา 5 ปี โดยมีแนวคิดให้รวมกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ที่ขณะนี้มีอยู่หลายฉบับให้เหลือเพียงฉบับเดียว

ด้านนายสุนทร วัชรกุลดิลก อดีตที่ปรึกษาด้านกฎหมายกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาวฯ ตนเป็นคนที่ทำคดีนี้มาตั้งแต่แรก โดยบริษัทสวนจันบุรีจำกัด ที่เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟนั้น มีกรรมการทั้งหมด 10 คน มีคนในครอบครัวและตัวนายเปรมชัยร่วมเป็นกรรมการรวม5 คน โดยคดีดังกล่าวเริ่มมีการฟ้องร้องตั้งแต่ช่วงปี 2546 มีพื้นที่บุกรุกเขตรักษาพันธุสัตว์ป่าเขาสอยดาว ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาว และป่าไม้ถาวรที่ออกเอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินมือเปล่า 482-3-78 ไร่ แต่อัยการสั่งฟ้องเพียง 150-3-91ไร่ จนกระทั่งตนเกษียณอายุราชการไป ต่อมาในช่วงปี 2556 สมัยนายธัญญา เนติธรรมกุล เป็นรองอธิบดีกรมอุทยานฯ มีคำสั่งแต่งตั้งให้ตนรับผิดชอบคดีนี้ต่อ เพราะทำคดีมาตั้งแต่แรก ซึ่งกรมอุทยานฯ แพ้คดีในศาลชั้นต้น ตนและเจ้าหน้าที่อีกคนได้ไปคัดคำสั่งศาลเพื่อยื่นอุทธรณ์ก่อนที่จะครบกำหนดให้ยื่นอุทธรณ์ได้เพียงไม่กี่วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอศาลฎีกาพิจารณาคดี ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ไม่ได้สนใจติดตามคดีนี้เลย การที่อธิบดีอุทยานฯ ระบุว่าเป็นคนให้ยื่นอุทธรณ์คดีจึงไม่เป็นความจริง
ที่มา ข่าวสดออนไลน์