หมอยง เชื่อ WHO เลิกนับตัวเลขโควิด ภายในปีนี้ เพราะตัวเลขที่รายงานต่ำกว่าความเป็นจริง
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง โควิด-19 ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา องค์ความรู้แสดงให้เห็นความจริงต่าง ๆ” โดยมีรายละเอียดว่า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ในอดีต จะเห็นได้ว่า ความจริงต่าง ๆ ได้เริ่มปรากฏชัดขึ้น
1.วิวัฒนาการของไวรัสเป็นไปเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นไวรัสจะปรับตัวเพื่อลดความรุนแรงลงให้อยู่ร่วมกันกับเจ้าบ้านได้ ความรุนแรงของโควิด-19 จึงลดลงมาโดยตลอดจากอัตราตายสูง 3-5% จนขณะนี้เหลือน่าจะน้อยกว่า 0.1% เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่
2.โรคที่มีความรุนแรงสูง เช่น Ebola, Marburg, Lassa โอกาสที่จะระบาดไปทั่วโลกเป็นไปได้ยาก ตรงข้ามกับโรคที่มีความรุนแรงต่ำ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 สามารถระบาดไปทั่วโลกได้
3.วัคซีนแต่ละชนิดไม่แตกต่างกัน มีการเรียกร้องวัคซีน mRNA ที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง และมีผลการทดลองเป็นเพียงระยะสั้น ประสิทธิผลในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อติดตามในระยะยาวแล้วภูมิต้านทานลดลงเร็ว และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตของแต่ละประเทศ
และวัคซีนที่ฉีด ก็จะเห็นได้ชัด เมื่อประชากรส่วนใหญ่ติดเชื้อไปแล้ว อัตราการเสียชีวิตในประเทศที่ฉีด mRNA ล้วน ก็ไม่ได้ต่ำกว่าประเทศที่ไม่ได้ฉีด ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่มีวัคซีนเทพ วัคซีนขณะนี้หลายบริษัท ได้ลดการผลิตหรือเลิกการผลิต
4.การระบาดของโรคที่สงบลงขณะนี้ เพราะประชากรส่วนใหญ่ติดเชื้อไปแล้ว โดยแต่ละประเทศเชื่อว่าติดเชื้อไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70 จึงทำให้การระบาดของโรคทุเลาลง
5.ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ร่วมกับการฉีดวัคซีน จะเป็นภูมิต้านทานที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และอยู่นานเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนอย่างเดียว
6.ทิศทางการระบาด เมื่อโรคเข้าสู่โรคประจำฤดูกาล ฤดูกาลในการระบาดจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่หรือโรคทางเดินหายใจทั่วไป
7.ความจำเป็นของวัคซีนในอนาคต จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ จะมุ่งเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง ในคนที่แข็งแรงดีและเคยติดเชื้อมาแล้ว ถึงแม้จะติดเชื้อซ้ำอีก อาการก็จะไม่รุนแรง
8.การแก้ปัญหาโรคระบาด ถ้าย้อนเวลาได้ เราควรใช้องค์ความรู้นำ สร้างองค์ความรู้ มากกว่าที่จะไปตามกระแส หรือแรงกดดันจากสื่อสังคม
9.ในปีนี้จะต้องถือว่า game over เชื่อว่าองค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับตัวเลข เพราะตัวเลขที่รายงานขององค์การอนามัยโลกและของทุกประเทศการติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมาก และทุกอย่างจะอยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวัง และการระบาดเป็นไปตามฤดูกาล
10.สำหรับประเทศไทยตามที่ได้เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปลายปีว่า ตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไปโรคก็จะสงบ และจะไปพบเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน แล้วหลังจากนั้นก็สงบ เป็นวงจรการระบาดตามฤดูกาล