บอร์ดประกันสังคม มีมติไม่ปรับลดอัตราเงินสมทบจากกรณีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ ซึ่งมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสุด 308 บาท และสูงสุด 330 บาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 และมติคณะกรรมการค่าจ้างที่เห็นชอบมาตรการลดผลกระทบผู้ประกอบการจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยได้เสนอให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลดการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละร้อยละ 1 เป็นเวลา 1 ปี เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนสถานประกอบการ ว่า เรื่องการปรับลดเงินสมทบดังกล่าว คณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) ได้มีการประชุม ครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา เพื่อหารือเรื่องการปรับลดอัตราเงินสมทบตามมติคณะกรรมการค่าจ้างเสนอ และได้มีมติไม่ปรับลดอัตราเงินสมทบ เนื่องจากการลดอัตราเงินสมทบเป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือชะลอการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลกระทบต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน และเสถียรภาพกองทุน

“ที่สำคัญยังขัดต่อกฎหมายของประกันสังคม และเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดจากค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นคณะกรรมการประกันสังคมได้ให้สำนักงานประกันสังคมเร่งเสนอโครงการลงทุนทางสังคมเพื่อช่วยเหลือนายจ้าง และลูกจ้าง SMEs ที่ได้รับผลกระทบ และนำมาเสนอคณะกรรมการประกันสังคมพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป” นพ.สุรเดช กล่าว

เลขาธิการสปส.กล่าวว่า จากข้อแนะนำของคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษาฯ ที่ได้เร่งให้สำนักงานประกันสังคมเสนอโครงการลงทุนทางสังคมนั้น ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษาฯ โดยพิจารณาโครงการที่มีประโยชน์ต่อ นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ได้รับประโยชน์เป็นสำคัญ และขอให้นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนมั่นใจในการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคมที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์หลักประกันชีวิตให้กับลูกจ้าง ผู้ประกันตนได้มีหลักประกันชีวิตที่มั่นคง ตลอดจนได้รับบริการที่ทันสมัย เชื่อถือได้ ทั่วถึง และเป็นธรรม พร้อมทั้งให้การดูแลและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ได้รับบริการที่ดี และประโยชน์สูงสุดจากประกันสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ อันจะส่งผลให้ลูกจ้าง ผู้ประกันตนมีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป

 


ที่มา : มติชนออนไลน์