จับกุมเจ้าของแฟรนไชส์ปิ้งย่าง หลอกให้ร่วมลงทุน สูญกว่า 5 ล้านบาท

จับกุม เจ้าของ ย่างให้
ภาพจาก มติชน

ตำรวจจับกุม “มณฑล ทองคำ” เจ้าของแฟรนไชส์ “ย่างให้” หลอกผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน เสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท

วันที่ 19 เมษายน 2566 มติชน รายงานกรณีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 มีกลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 20 คน รวมตัวกันเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากถูกนายมณฑล ทองคำ เจ้าของแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารปิ้งย่าง ชื่อ “ย่างให้” มีพฤติการณ์ชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจโดยการันตีผลตอบแทน และใช้วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือรูปแบบต่าง ๆ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจกับผู้ต้องหา

ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผลและผลกำไรตอบแทนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 5,530,000 บาท และมีการสั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. รับคำร้องทุกข์และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญา

ต่อมา ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาข้างต้น ตามหมายจับที่ 1122/2566 ลงวันที่ 10 เมษายน 2566 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน,กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

ภาพจาก มติชน

วันที่ 16 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายมณฑล ผู้ต้องหาตามหมายจับได้หลบหนีและซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 10/1 ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี

Advertisment

จึงได้ขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสระบุรี ตามหมายค้นที่ ค.91/2566 ลงวันที่ 16 เมษายน 2566 เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายมณฑล ผู้ต้องหา พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน จึงได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาเข้าพบที่สโมสรตำรวจแล้วนั้น ได้สั่งการให้ บก.ปอศ. ดำเนินการรับคำร้องทุกข์และสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดี จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวได้

ภาพจาก มติชน

ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการหลอกให้กลุ่มผู้เสียหายลงทุนโดยใช้วิธีการอ้างว่าจะแบ่งผลประโยชน์ให้ในอัตราสูง และสร้างความน่าเชื่อถือโดยการออกรายการต่าง ๆ และใช้บุคคลมีชื่อเสียงมาทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก จากนี้หลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ จะได้ตรวจสอบทรัพย์สินและดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหา เพื่อนำกลับมาช่วยเหลือเยียวยาคืนให้กับผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดโดยเร็ว

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ก่อนหน้านี้ นายวรันธร แดงใหญ่ COO & Co-Founder บริษัท นิกิวาอิ กรุ๊ป จำกัด (Nigiwai Group) และเป็นหนึ่งในอดีตผู้ร่วมลงทุนธุรกิจดังกล่าว เคยโพสต์บนเฟซบุ๊กเล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการร่วมลงทุน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งการเสนอผลตอบแทนการลงทุนให้กับนักลงทุนรายอื่น ๆ ในลักษณะหุ้นกู้ รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ย่างให้” ที่ทำให้มูลค่าของแบรนด์ลดลงเหลือศูนย์

Advertisment

นอกจากนี้ นายวรันธรยังยอมรับว่า การลงทุนในครั้งนี้ เป็นบทเรียนอีกครั้งหนึ่งจากการตัดสินใจ และยอมรับความเสี่ยงที่ไม่มีข้อมูลทางการเงิน แต่ซื้อชื่อเสียงแบรนด์และอดีตที่ทำมา และมูลค่าที่ตกลง ไม่สูงมากจนเกินไป เลยเสี่ยงลงทุนในกิจการ รวมถึงสิ่งที่ต้องดูคือ ประวัติของคนที่จะมาร่วมธุรกิจ ที่ต้องดูให้ดีกว่านี้ เพราะสามารถทำให้แบรนด์ล่มสลายในวันเดียวได้เลย

ภาพจาก มติชน