สธ.พบป่วยโควิดใหม่ เข้ารักษาตัวใน รพ.เพิ่มเกือบ 3 พันราย กทม.มากสุด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์

สธ. เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้น อัพเดตตัวเลขสัปดาห์ล่าสุดพบป่วยใหม่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 2,970 ราย เสียชีวิตอีก 42 คน ป่วยหนักจากปอดอักเสบอีก 425 ราย ระบุผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ย้ำให้ลูกหลานพามารับวัคซีนประจำปี ชี้พื้นที่กทม.-ปริมณฑล ระบาดมากสุด กรมการแพทย์ยันเตียงรักษาโควิดมีเพียงพอ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์การระบาดเป็นไปตามคาดการณ์ คือหลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา (สัปดาห์ที่ 21) มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย

โดยแนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

“การฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ ขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา และหากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ” นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะนี้ในเขต กทม.และปริมณฑลพบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น จึงให้กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยินดีสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่าง ๆ

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม. ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน

กรมการแพทย์เผย เตียงรักษาโควิดมีเพียงพอ

ทางด้านนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม และเริ่มมีฝนตก ทำให้เกิดการระบาดได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย โดยจะรักษาตัวอยู่ที่บ้าน บางส่วนมารับการรักษาในโรงพยาบาลที่คลินิกทางเดินหายใจ ARI ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ หลายโรงพยาบาลได้ปรับโดยขยายระยะเวลาบริการเป็นนอกเวลา รวมถึงคัดกรองผู้ป่วยโควิดที่ห้องฉุกเฉิน โดยมีการแยกโรคเพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดความคับคั่ง และจัดการให้รับยาแบบผู้ป่วยนอกโดยใช้ Telemedicine ไม่ต้องมาตรวจที่โรงพยาบาล

ขอแนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข้มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง เพื่อช่วยลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อได้อย่างดี อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น หากมีอาการแต่ตรวจ ATK ไม่พบ อาจสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แม้เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน

ดังนั้น ถ้ามีอาการไม่มาก สามารถใช้การรักษาตามอาการ ไม่ต้องไป รพ. แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น สูงอายุ มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย