กรมอุตุฯเตือน 9-13 ก.พ.นี้ อากาศแปรปรวน อุณหภูมิลด 3-5 องศา-ลูกเห็บตก

ภาพ : Orapin Wachangngoen

กรมอุตุฯเตือนช่วง 9-13 ก.พ.นี้ รับมือ “อากาศแปรปรวน” เหตุมีมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้อุณหภูมิลดลง 3-5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ภาคเหนือ-กลาง กทม.อากาศจะเย็นลง 1-3 องศา แนะประชาชนดูแลสุขภาพ

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า ในช่วงวันที่ 9 – 14 ก.พ. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน

ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 9 – 10 ก.พ. 67 หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส

ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนบนของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 – 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ปริมาณฝนสะสม

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตลอดช่วง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67

ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ก.พ. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งไว้ รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

คาดหมายอากาศรายภาค ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2567

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 13 – 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6 – 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 5 – 15 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก ส่วนมากทางตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12 – 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 – 11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14 – 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 5 – 15 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2 – 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2 – 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนบนของภาค

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 – 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 – 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 37 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

ในวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 – 36 องศาเซลเซียส

กรุงเทพและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.พ. 67 มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25 – 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 – 38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 5 – 15 กม./ชม.

ส่วนในวันที่ 10 – 14 ก.พ. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2 – 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 – 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.

(ออกประกาศ 8 กุมภาพันธ์ 2567 13:28 น.)