
โครงการนำร่อง “ราชประสงค์โมเดล” คิกออฟแล้วตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดย “กทม.-กรุงเทพมหานคร” พร้อมด้วยหน่วยงานภาคีทั้งภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนความร่วมมือแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนราชดำริ นับเป็นโครงการและโมเดลแห่งความหวัง และถือเป็นจุดตัวอย่าง Pain Point ของมหานครแห่งนี้ หากแก้ปมปัญหาจุดนี้ได้ จะเป็นต้นแบบนำไปปรับใช้ยังทำเลสำคัญอื่น ๆ ได้ทั่วทั้งกรุงเทพฯ
ป้องกันคือการปราบปรามที่ดีที่สุด
นำโดย “พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี” ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ย่านราชประสงค์มีปัญหาหลักสะสมยาวนาน การจราจรติดขัดเนื่องจาก 3 สหาย “รถรับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ” บางส่วนที่มีพฤติกรรมจอดรถแช่รอรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวบนถนนเลนซ้ายสุด ทั้งสองฝั่งถนนราชดำริ ทำให้ผู้ใช้บริการรถเมล์ทั่วไป ต้องเสี่ยงลงไปในถนนเลนที่ 2 เพื่อขึ้นรถเมล์เพราะไม่สามารถเข้าป้ายได้
นอกจากนี้ ยังซ้ำเติมปัญหาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก จากกรณี “รถแท็กซี่-สามล้อ” เรียกราคาแบบเหมาจ่าย ไม่กดมิเตอร์ กทม.จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ และผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะผ่านแอป 10 บริษัท ลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
“การป้องกัน คือการปราบปรามที่ดีที่สุด คือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดของทุกหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ในอนาคต กทม. จะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน อาทิ ติดกล้องดูรถที่จอดแช่หรือไม่กดมิเตอร์ผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร”
น่าสนใจว่า กทม.เตรียมขยายผลราชประสงค์โมเดลไปยัง “ถนนราชดําริ-ถนนพระรามที่ 1 (สยามสแควร์)-แยกเพลินจิต-ถนนเพชรบุรีตัดใหม่” รวมทั้งจุดที่มีเรื่องร้องเรียน เช่น “แพลทินัม-วัดโพธิ์-เซ็นทรัล ลาดพร้าว-ตลาดนัดจตุจักร-ฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ บางแค-สุขุมวิทช่วงนานาถึงอโศก” เป็นต้น
Lane Block ใช้ได้ผลจริง
ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ราชประสงค์โมเดลมีการปรับปรุงกายภาพพื้นที่ ได้แก่ การจัดทำเครื่องหมายพื้นทาง Bus Stop ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น, ปรับเปลี่ยนเกาะสีสมมุติให้เป็นช่องจราจรเพิ่มอีก 1 เลน, ปรับปรุงรั้วกันคนข้าม (สีเขียว) ป้องกันเดินข้ามถนนในจุดนอกทางม้าลาย หรือเรียกรถนอกจุดที่กำหนดไว้
ยุบรวมป้ายรถเมล์เหลือเพียง 1 ป้าย ป้องกันการสับสน ขยายแนวรั้วให้กว้างขึ้น, ติดตั้งป้ายห้ามกลับรถ และติดตั้งอุปกรณ์แบ่งช่องจราจร (Lane Block) ระยะทาง 500 เมตร บนถนนราชดำริทั้งฝั่งขาเข้า-ขาออก เพื่อให้รถเมล์เข้ามารับ-ส่งผู้โดยสารได้สะดวก และปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ กทม.โดย “สจส.-สำนักการจราจรและขนส่ง” ติดตั้งกล้อง CCTV เก็บข้อมูลรถที่ฝ่าฝืนจอดในที่ห้าม กำหนดพื้นที่ห้ามจอด หากพบรถจอดแช่เกินเวลาที่กำหนดถือว่าได้กระทำผิด รายงานผลละเอียดยิบ วัน-เวลา-นาที-สถานที่ฝ่าฝืนจอด จับภาพเลขทะเบียนรถได้ชัดเจน ข้อมูลถูกส่งไปยัง หน่วยงานรัฐเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
โดยพบว่าก่อนติดตั้ง Lane Block มีรถที่ฝ่าฝืนจอดในช่องทางซ้าย 489 คัน/วัน หลังการติดตั้งพบรถกระทำผิดลดลงเหลือ 45 คัน/วัน
เลนซ้ายใช้ได้ปกติ-ห้ามจอดแช่
น่าสนใจว่า ขณะนี้ยังคงพบมีประชาชนและนักท่องเที่ยวบางส่วน เรียกใช้บริการรถแท็กซี่-สามล้อ หน้าศูนย์การค้าบนถนนราชดำริทั้งสองฝั่ง ทำให้มีรถฝ่าฝืนจอดแช่รอรับผู้โดยสาร รวมทั้งผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปยังคงสับสน และไม่กล้าใช้ช่องทาง Lane Block เพราะคิดว่าเป็นช่องเดินรถเมล์เท่านั้น จึงใช้ถนนเลนอื่น ๆ แทน ซ้ำเติมปัญหาจราจรติดขัด
กทม.จึงจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ แจ้งจุดจอดรถแท็กซี่-รถสามล้อในพื้นที่ศูนย์การค้า ในรูปแบบ 3 ภาษา (ไทย-อังกฤษ-จีน) ติดตั้งบริเวณจุดจอดรถเมล์ทั้งสองฝั่ง ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์แก่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปได้ทราบว่า “ช่องทางซ้าย” รถทุกประเภทสามารถเข้าใช้ได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สามารถจอดแช่ได้
และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบโพสต์ วิดีโอคลิป และ Infographic เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ
ส่วนตำรวจนครบาล ให้ความร่วมมือร่วมกับกรมการขนส่งทางบก บังคับใช้กฎหมายและมีบทลงโทษผู้กระทำความผิด โดยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันวินัยจราจรและลงโทษตามกฎหมายแก่ผู้ฝ่าฝืนจอดในพื้นที่ห้ามจอดต่อไป ซึ่งกรมได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ร่วมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกวัน และถือกฎหมายบังคับใช้กับผู้ขับรถสาธารณะในจุดดังกล่าว อาทิ หนังสือเรียกเปรียบเทียบปรับ ตัดแต้มความประพฤติในการขับรถ รวมถึงพักถอนใบอนุญาตขับขี่
เซ็นทรัลเวิลด์-บิ๊กซีแจ้งจุดจอด
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ ให้ความร่วมมือจัดระเบียบ อำนวยความสะดวกจราจรและยกระดับการรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่ถนนราชดำริ โดยมีจุดจอดรถรับ-ส่ง 3 จุด 1.โซนด้านหน้า Groove ฝั่งถนนพระรามที่ 1 มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลจุดจอดรถ
2.โซน Dazzle ประตูทางเข้าออกจากศูนย์อาหาร Hug Thai มีเจ้าหน้าที่ รปภ. จดทะเบียนรถทุกคันที่ให้บริการลูกค้า เพื่อดูแลด้านความปลอดภัย, จุดให้บริการ Taxi & Application, จุดบริการ Grab Concierge Service อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการใช้บริการ Taxi Service แต่ไม่มีอินเทอร์เน็ต โดยเปิดให้บริการที่เคาน์เตอร์ Tourist Information Dazzle Zone (Hug Thai)
3.โซน I ประตูทางเข้าออกฝั่งศาลพระตรีมูรติ โดยเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ส่งเสริมรถแท็กซี่ที่ไม่คิดค่าบริการผ่านมิเตอร์
ในส่วนบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จัดให้มีเจ้าหน้าที่ รปภ. ร่วมอำนวยการจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กทม. บริเวณทางเข้า-ออก จัดจุดบริการรถสาธารณะสำหรับนักท่องเที่ยวอีก 1 จุด บริเวณชั้น 1 และจัดทำป้ายค่าโดยสารบริเวณจุดรับ-ส่ง ป้องกันการเรียกราคาที่ไม่เป็นธรรม
กทม.ยังได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะผ่านแอปทั้ง 10 บริษัท กำหนดจุดปักหมุดเพื่อจุดจอดรับ-ส่ง ในพื้นที่ถนนราชดำริ
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอป 4 บริษัท “Grab-Bolt-Bonku-Maxim” ปักหมุดตามจุดที่กำหนดในระบบแล้ว อีก 5 บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อส่งเสริมความร่วมมือร่วมกัน