
ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด! กรมอุตุฯเผยหนาวชุดสุดท้าย 26 ม.ค.-3 ก.พ. 68 นี้ เฉพาะช่วง 26-28 ม.ค. จะมีมวลอากาศเย็นกำลังแรงแผ่ลงมาอีกระลอก ส่งผลตอนบนหนาวต่อเนื่อง ด้านเพจฟ้าฝนเผยภาพชัด หนาวช่วงสุดท้าย 27 ม.ค.- 2 ก.พ. หลังจากนั้นจะเริ่มอุ่นขึ้น ทิศทางลมเปลี่ยน มีหมอกตอนเช้า แนะสวมหน้ากากอนามัย เตรียมป้องกันฝุ่นละอองที่จะเพิ่มขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุก ๆ 24 ชม. (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 15 วันล่วงหน้า ระหว่าง 20 ม.ค.-3 ก.พ. 68 init. 2025011912 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ (เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย)
กรมอุตุฯระบุว่า ลมหนาวยังคงพัดปกคลุม ช่วงแรกมีกำลังอ่อนลง แต่ยังมีเสริมลงมาอีกรอบช่วง 26-28 ม.ค. 68 แม้ไม่แรงมากแต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวต่อเนื่องบริเวณประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ฝนน้อยในระยะนี้ ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด เฝ้าระวังการสะสมของฝุ่น ช่วงที่ลมมีกำลังอ่อนลง แบ่งช่วงการพยากรณ์อากาศดังนี้
ช่วงวันที่ 20-25 ม.ค. 68 มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนแปลงบ้าง อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ฝนมีน้อยลงในบริเวณภาคใต้ ลมมีกำลังอ่อนลง ทิศทางเริ่มเปลี่ยนแปลง เดินทางสัญจรระวังหมอกในตอนเช้า ช่วงที่ลมอ่อนลงต้องเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย

หนาวชุดสุดท้าย
ส่วนช่วงวันที่ 26-28 ม.ค. 68 ยังมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคอีสาน ทำให้ยังมีอากาศเย็นลงบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ระวังรักษาสุขภาพช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ส่วนฝนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง (25-27 ม.ค. 68) คลื่นลมแรงขึ้น ต้องติดตามและเฝ้าระวังคลื่นลมแรง
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 29 ม.ค.-3 ก.พ. 68 อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ลมเริ่มเปลี่ยนแปลงทิศทาง ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด ช่วงที่ลมอ่อนลงต้องระวังการสะสมของฝุ่นละออง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกช่วง ฝนน้อย ออกกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย (ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ)
อัพเดตความหนาวช่วง 21 ม.ค.-4 ก.พ.
ทางด้าน เพจฟ้าฝน พยากรณ์อากาศประเทศไทย อัพเดตตารางความหนาวช่วง 21 ม.ค.-4 ก.พ. 2568 พร้อมพยากรณ์อุณหภูมิต่ำสุดในพื้นที่กรุงเทพฯว่า ช่วงวันที่ 21 ม.ค.-4 ก.พ. 68 เรียงตามวัน ดังนี้ 22.2, 22.0, 22.9, 23.6, 24.1, 24.9, 24.8, 20.1, 19.8, 21.3, 22.0, 23.6, 23.9, 24.6, 24.7 องศา
หรือโดยเฉลี่ยอุณหภูมิในช่วงวันที่ 21 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ จะอยู่ช่วงระหว่าง 22-24 องศาเซลเซียส ถือได้ว่ายังเป็นช่วงที่มีอากาศเย็นอยู่
แต่หลังจากวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ไปแล้ว อุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวม กทม.และปริมณฑล แต่ยังมีคงอากาศหนาวบางพื้นที่เช่นทางภาคเหนือตอนบน และทางภาคตะวันตกบางส่วน (ดูภาพกราฟิกประกอบ)
“ใครชอบเย็น ๆ เล็งพื้นที่น้ำเงิน น้ำเงินเข้ม !” เพจฟ้าฝนระบุ

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 20-26 ม.ค. 2568

ภาคเหนือ
อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ภาคกลาง
อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 20-23 ม.ค. 68 ตอนบนของภาค มีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ม.ค. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค
ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
กรุงเทพฯและปริมณฑล
อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
(ออกประกาศ 20 มกราคม 2568 12.00 น.)