ชง ศบค. ปลดล็อกชาวต่างชาติ 2 กลุ่มใหญ่เข้าไทย กัก-ไม่กักตัว เล็ง 3 ประเทศหลัก

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.

โฆษก ศบค. เผยเตรียมชง “ทราเวล บับเบิ้ล ” ต่อ ศบค.ชุดใหญ่ ปลดล็อกให้ชาวต่างชาติ 2 กลุ่มใหญ่ทำธุรกิจ-ดูแลสุขภาพ-ท่องเที่ยวในไทยได้ ทั้งอยู่ใน State Quarantine และได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกกักตัว 14 วัน  เพราะมาแค่ระยะสั้นๆ เล็งกลุ่มเป้าหมาย 3 ประเทศหลัก “จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” 

วันที่ 22 มิถุนายน 2563  ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยภายหลังแถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดประจำวัน ซึ่งไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศนาน 28 วันว่า ขณะนี้ทางชุดทำงาน ศบค.ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องของชุดเฉพาะกิจที่จะมีการพิจารณาเรื่องของการผ่อนคลายออกมาในเรื่องของทราเวลบับเบิ้ล (Travel Bubble)  มีการพูดคุยที่จะแบ่งกลุ่มออกมา 2 กลุ่ม เพื่อที่จะให้เกิดมาตรการที่จะผ่อนคลายตามมา

ชุดแรกคือ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อย

1. จะมีนักธุรกิจ นักลงทุน ซึ่งมีการลงทะเบียนประมาณ 700 คน

2. เป็นแรงงานฝีมือและเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ที่จะต้องเข้ามาดูเรื่องของโรงงาน อะไรต่างๆ มีการทำงานในเรื่องของธุรกิจ ประมาณ 22,000 คน

3. คือกลุ่มคนต่างด้าวที่มีครอบครัวเป็นคนไทย ที่ต้องการอยากจะกลับมาหาครอบครัว และกลุ่มคนต่างด้าวที่มีที่อยู่ในไทย กลุ่มนี้ประมาณ 2,000 คน

“สามกลุ่มแรก เขาอยู่ในเมืองไทยนาน เพราะฉะนั้นเข้ามาและเข้าอยู่ใน State Quarantine 14 วันได้ และออกไป”

4. กลุ่มสุดท้าย เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำทางด้านการแพทย์ เรียกว่า Medical and Wellness Tourism ส่วนนี้มีความต้องการประมาณ 30,000 คน กลุ่มพวกนี้เข้ามารับการรักษา หรือดูแลเรื่องสุขภาพ และอยู่ในโรงพยาบาล มาตรฐานพอๆ กับ State Quarantine ของเรา

“4 กลุ่มนี้จะมีการเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ สามารถที่จะทำได้เลย เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องของธุรกิจ และมั่นใจว่าตอนนี้เราศูนย์ราย และกลุ่มพวกนี้ก็เดินทางเข้าออก สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตามแต่ แต่พอเข้ามาแล้วเรา State Quarantine เขา และเราดูแลเขาเหมือนกับที่เราทำกันมา กลุ่มที่หนึ่งนี้ ทำได้เลย” โฆษกศบค.กล่าว

ส่วนกลุ่มที่สอง ขอผ่อนผันที่จะไม่อยู่ในพื้นที่ State Quarantine กลุ่มนี้มีอยู่ 3 กลุ่มย่อยด้วยกัน

1. เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน ที่เดินทางเข้ามาในระยะสั้นๆ เข้ามาเจรจาธุรกิจ เข้ามาประชุม 2-3 วัน ซึ่งเขาขอไม่ต้องอยู่ใน State Quarantine แต่เราจะต้องจัดพื้นที่ จัดกระบวนการ ต้องตรวจตั้งแต่ก่อนมา ขึ้นเครื่องมา ลงเครื่องมา และต้องอยู่เฉพาะที่ และก็กลับไป อันนี้สั้นๆ 3 วัน 5 วัน แต่เขาขอ เพราะเขามาทีหนึ่งเขามาเซ็นสัญญา เขามาดูแลธุรกิจของเขา ทำให้วงจรธุรกิจมันขับเคลื่อนได้ กลุ่มนี้เราก็จะมีการพิจารณาเสนอ

2. เป็นแขกของรัฐบาล หรือของส่วนราชการต่างๆ เชิญเข้ามาประชุม เชิญมาเป็นวิทยากร เข้ามาแล้วทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อื่นๆ ตามมา  ซึ่งมาระยะสั้นๆ เพราะฉะนั้นการไปกักตัวก็คงจะไม่เหมาะสมนัก

3. กลุ่มสุดท้ายเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางตามโครงการทราเวล บับเบิ้ล กลุ่มนี้ต้องคิดกันเยอะ ต้องมีมาตรการกันมากหน่อย เพื่อที่เราจะได้วางแผนรองรับกลุ่มพวกนี้ได้ อาจจะมีจำนวนมากที่เดียวที่ยังรออยู่ และอยู่ในประเทศหลักๆ ที่คิดถึงตอนนี้ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซึ่ง 3 ประเทศเหล่านี้ก็เป็นประเทศหลักๆ ที่เดินทางเข้าในในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

“ถ้ามองดู 3 ประเทศหลักๆ นี้ ซึ่งทั้ง 3 ประเทศก็พยายามควบคุมดูแล ในเรื่องมาตรฐานการควบคุมโรคของประเทศเขาอย่างเต็มที่เหมือนกัน ก็เป็นไปได้สูงที่เราจะได้มีการดูแลพวกเขา และเขาก็จะต้องดูแลพวกเราในลักษณะของทั้งสองประเทศที่เป็นคู่ประเทศที่เราเรียกว่าทราเวล บับเบิ้ลนี้” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวและว่า

เรื่องดังกล่าวนี้จะมีการนำเสนอต่อชุดการประชุมของ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ และจะนำเสนอ ศบค.ผ่านทางด้าน สมช. ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมชุดใหญ่ในครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

“วันนี้ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพ เพื่อให้ตัวเลขเป็นศูนย์ตลอดไป ไม่ต้องแค่ 28 วัน แต่ศูนย์อีกหลายๆ วัน เป็น 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน ก็จะทำให้ต่างชาติมั่นใจ และใส่ชื่อประเทศไทยเป็นลำดับต้นๆ ในการที่เขาจะเปิดประเทศ และเชื่อมโยงกับทราเวล บับเบิ้ลของเรา”  โฆษก ศบค.กล่าวในตอนท้าย